เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณา คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม‘นโยบายคุกกี้’ และ ‘นโยบายความเป็นส่วนตัว’
เรื่องล่าสุดของหมวด
4 ประโยชน์ของ “กิมจิ” กับความงาม-สุขภาพลำไส้ จากปากคนญี่ปุ่น
“สระผมทุกวัน-ถอนผมหงอก” สารพัดปัญหาเส้นผม ตอบโดยผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น
6 วิธีรักษา “ความดันโลหิตสูง” ด้วยตัวเอง อาจไม่ต้องกินยา
อาหารที่หมอญี่ปุ่นยืนยัน กระตุ้นเซลล์ “มะเร็ง”
“ส้นเท้าแตก” เกิดจากกอะไร รักษาอย่างไรถึงจะถูกวิธี
ไขข้อสงสัย ใช้นิ้ว “แคะขี้มูก” อันตรายหรือไม่
รู้จัก "โรคซึมเศร้า" สังเกตอาการ และวิธีการดูแล ฟื้นฟู จิตใจ
อาการโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ สังเกตอาการของผู้ใหญ่ที่บ้านได้อย่างไร
3 สาเหตุที่ทำให้เรา "นอนไม่หลับ" และวิธีลดความฟุ้งซ่านก่อนนอน
แบบทดสอบ คุณ “ติดมือถือ” มากเกินไปจนเสี่ยง “โนโมโฟเบีย” หรือไม่
หยุดนาน เสี่ยง "ซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว" สาเหตุ และวิธีรักษา
6 ลักษณะของผู้ป่วยโรค “ใคร่เด็ก” ที่ควรสังเกต อย่าให้ใกล้ชิดกับบุตรหลาน
เมื่อไหร่ที่ต้องรักษา "โรคหัวใจ" ด้วยการผ่าตัด
“มะเร็งปอด” ไม่สูบบุหรี่ก็เสี่ยงได้ ภัยร้ายเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
“ปวดหัวข้างขวา” เสี่ยงโรคอะไรบ้าง รักษาอย่างไร
"ริดสีดวง" มีกี่แบบ รักษาอย่างไร
วิจัยเผย คนเสี่ยงติดโควิด-19จาก "อากาศ" มากกว่า "สัมผัสสิ่งของ" ถึง 1,000 เท่า
“เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” กับ 5 อาการเริ่มต้น สัญญาณอันตรายของผู้หญิง
กระชายขาว สมุนไพรไทย มีประโยชน์-สรรพคุณอะไรบ้าง
รู้จัก “อัลปราโซแลม” ยารักษาโรคทางจิต-ประสาท แต่ถูกใช้ทำเป็น “ยาเสียสาว”
วัคซีน "โควิด-19" เข็ม 4 จำเป็นแค่ไหน เมื่อ "โอไมครอน" ยังระบาด
วิจัยฮ่องกงชี้ วัคซีน "ซิโนแวค" 3 เข็ม ลดป่วยรุนแรงจาก “โอมิครอน” ได้
ข้อมูลชี้ วัคซีนแอสตร้าฯ-mRNA ลดเสี่ยงป่วยหนัก-เสียชีวิตได้ใกล้เคียงกัน
แพทย์ตอบ ยา "สมุนไพร" รักษา "มะเร็ง" ได้จริงหรือไม่
หน้า: 1
แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?
ตับมีปัญหา จำต้องรีบหาทางแก้ รีบดูแล บำรุง รักษาให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง เนื่องจากถ้าปล่อยไว้ให้ไขมันพอกตับ หรือปล่อยให้ตับอักเสบจนกระทั่งเรื้อรัง ก็เป็นบ่อเกิดของโรคตับแข็ง และมะเร็งตับได้เหมือนกัน โดย Rohit Satoskar กรรมการผู้จัดการจาก MedStar Georgetown สถาบันปลูกถ่ายมีชื่อ กล่าวย้ำเตือนถึงจุดสำคัญของตับเราเอาไว้ว่า "ตับ เป็นอวัยวะที่ง่ายต่อการเสียหาย ถ้าเกิดคุณไม่ดูแลมันให้ดี.. และเมื่อมันเสียหายไปแล้วครั้งหนึ่ง มันก็ไปลับ ไม่อาจหวนกลับมาดังเดิมได้" แล้วเราจะทราบได้ยังไงว่าตับกำลังประสบปัญหา แล้ว สาเหตุ ตับมีปัญหา มาจากอะไร..? และควรจะดูแลบำรุงยังไง..? เนื้อหานี้มีคำตอบให้คุณอวัยวะ "ตับ" ก็เป็นราวกับศูนย์กลางขนาดใหญ่ ทั้งเป็นโรงงานเก็บผลิตภัณฑ์ (เก็บกักสารอาหารต่างๆ) เป็นทั้งโรงงานการผลิต (สร้างโปรตีน สร้างลิ่มเลือด ฯลฯ) รวมทั้งยังเป็นโรงงานดัดแปลง (จากคาร์โบไฮเดรตไปเป็นน้ำตาล ที่ร่างกายจะเอาไปใช้เป็นพลังงาน) ถ้าร่างกายขาดหัวใจแล้วต้องตาย..ร่างกายที่ขาดตับก็ราวกับตายทั้งเป็น คำบอกเล่าที่ว่าตับเป็นเสมือนหัวใจดวงลำดับที่สองของร่างกาย จึงไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใดหน้าที่ของตับ มีอะไรบ้าง ?ในส่วนของการสร้าง - สร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อสภาพร่างกาย ซ่อมบำรุงส่วนที่สึกหรอ - สร้างโปรตีนซึ่งทำให้เลือดเราแข็งตัว อย่างไฟบริโนเจน (Fibrinogen) โดยจะถูกสังเคราะห์ขึ้นที่ตับ - สร้างโปรตีนที่ปฏิบัติหน้าที่ เป็นส่วนประกอบของเลือด ยกตัวอย่างเช่น อัลบูมิน ที่ช่วยอุ้มน้ำสารอาหารและก็เกลือแร่เอาไว้ภายในหลอดเลือด - สร้างน้ำดี ย่อยสลายไขมัน รวมทั้งมีส่วนช่วยในระบบเผาผลาญร่างกาย - สร้างสารชนิดไขมัน และก็ถึงสารเริ่มต้นของฮอร์โมนบางชนิด ในส่วนของการกักเก็บ - ตับจะเป็นแหล่งกักเก็บไกลโคเจน เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานนำไปให้ร่างกายใช้ - เก็บวิตามินรวมทั้งเกลือแร่บางชนิดที่จำเป็น ในส่วนของการแปรรูปและอื่นๆ - ตับคอยดัดแปลง อาหารและก็ยาให้อยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถนำเอาไปใช้งานได้ - ชวยล้างพิษ กรองสารพิษในเลือด - ขับของเสียออกจากร่างกายในรูปแบบฉี่ หรือถ่ายมากับน้ำดีสาเหตุ ตับมีปัญหาจริงแล้วการที่ตับพัง หรือตับต้องพบเจอปัญหาทรุดโทรมสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยอีกทั้งจากเชื้อไวรัส หรือโรคที่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรมตั้งแต่เกิด แต่ว่าหลักๆที่ทำให้คนโดยมากมีการอักเสบที่ตับ ค่าตับสูง มักเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากพฤติกรรมทำร้ายตับดังเช่นว่า 1.ดื่มแอลกอฮอล์ 2.ชอบรับประทานอาหารไขมันสูงอย่างของมัน ของทอด 3.ทำงานมาก มีความเคร่งเครียด 4.ชอบนอนดึกดื่น ตื่นสาย 5.รับประทานยาหรืออาหารเสริมมากจนเกินไป 6.ขาดการบริหารร่างกาย 7.นั่งหรือนอนอยู่กับที่เป็นระยะเวลานาน (เกิน 2 ชั่วโมง)8.ไม่กินอาหารยามเช้า 9.ชอบทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ 10.ปฏิบัติงานเกี่ยวกับ สารพิษ สารเคมี 11.มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับหลายบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นหนึ่งในพฤติกรรมประจำวันซึ่งเราอาจจะเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพบ ก็เลยปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "ตับ" ของเรานอกจากจะทำงานมาก 1 วันแล้ว ยังไม่วายถูกทำร้ายในทุกวี่ทุกวันอีกด้วย โดยเราอาจจะลองสังเกตอาการที่เป็น สาเหตุ ตับมีปัญหา ผ่านสัญญาณที่ร่างกายส่งออกมา ยกตัวอย่างเช่น มีลักษณะง่าย หมดแรง , มีปัญหาสำหรับการนอน , ท้องอืดเสมอๆ, ปวดจุกแน่นที่ชายโครงขวา , ความต้องการของกินลดน้อยลง , แขนขา ท้องบวมโต ฯลฯแม้คุณเริ่มมีหนึ่งในอาการดังกล่าวแล้วยังไม่สนใจกลับมาดูแลตับอีก.. รู้สึกตัวอีกทีความน่ากลัวของโรคตับก็จะแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดก็ในขั้นร้ายแรงอย่างตอนเป็นตับแข็ง หรือมะเร็งตับไปเสียแล้วการดูแลและรักษาตับเบื้องต้น"ตับ" เป็นอวัยวะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ โดยทางด้านทฤษฎีหากเราตัดตับทิ้งไป 3 ส่วน เจ้าตับเองก็สามารถฟื้นฟูกลับไปเป็นรูปร่างแบบเดิมได้ภายในไม่กี่อาทิตย์ ดังนั้นเมื่อเราเผลอมีพฤติกรรมทำร้ายตับโดยไม่รู้ตัว ตับเองก็ฟื้นฟูตนเองได้ แต่ว่ามิได้หมายความว่าคุณจะใช้งานมันอย่างหนักหน่วง หรือเพิกเฉยให้ตับถูกทำร้ายโดยไม่ใส่ใจได้ เพราะว่าถ้าเกิดตับอักเสบซ้ำๆกระทั่งเกิดพังผืดเกาะกินกลายเป็นตับแข็ง ตับก็หมดสิทธิ์ฟื้นตัว ยิ่งมะเร็งยิ่งไม่ต้องเอ๋ยถึง.. สิ่งจำเป็นที่สุดเป็น การใส่ใจบำรุงตับเพื่อปกป้องไว้ก่อน ดีกว่าที่จะตามไปรักษาในภายหลังเมื่อเรามีพฤติกรรมที่ทำร้ายตับ ก็ควรเริ่มปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ตับได้แข็งแรงมากขึ้น (1) ปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ลดอาหารไขมันสูง ของทอด ของมัน ในส่วนเนื้อสัตว์เน้นไปที่เนื้อปลา หรือเนื้อไก่ แทนพวกเนื้อสีแดง (อย่างเนื้อหมู หรือเนื้อวัว) เพื่อลดจำนวนไขมันอิ่มตัวที่จะได้รับ หลีกเลี่ยงของว่าง เค็มจัด ใช้พวกเครื่องเทศให้กลิ่นและก็รสชาติแทนน้ำตาลแล้วก็ผงชูรส รับประทานอาหารปรุงสุก รักษาสุขลักษณะ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส(2) หมั่นขยับร่างกายเสริมความแข็งแกร่งให้ตับ บริหารร่างกายให้ได้ 150 นาที/สัปดาห์ (หรืออย่างต่ำ 60 นาที/สัปดาห์)ขณะที่กำลังทำงานหาเวลาลุกเดิน 5-10 นาที หรือปรับเปลี่ยนอริยาบททุก 1-2 ชั่วโมง ฝึกการหายใจเข้า-ออกลึกๆ เพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปกำจัดของเสียในเลือด รวมถึงก๊าซ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็ช่วยในระบบหมุนเวียนเลือดได้(3) เลี่ยงการรับสิ่งเสพติด หรือสารเคมี ในกรณีที่ไม่สามารถเลิกได้ พยามยามลดการดื่มแอลกอฮอล์ หรือการสูบบุหรี่ให้ลดน้อยลงที่สุด เลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือรอบๆที่มีการแปดเปื้อนของสารเคมี รอบๆที่มีฝุ่นควัน มลภาวะหนาแน่นถ้าเกิดปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้ ตับย่อมกลับมาแข็งแรงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม เพิ่มเติมเป็นถ้าหากคิดว่าพฤติกรรมเหล่านี้เราบางทีอาจทำได้ยาก ลองมาดูเทคนิคน่ารู้ ที่สามารถจะช่วยคลีนตับเราได้กัน..
แจ้งเตือน
ภาพและเนื้อหาต่อไปนี้ ไม่เหมาะสมแก่เด็ก และเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี