
รางวัลนี้มอบแด่ผู้ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กผู้หญิงและสตรีให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่านสะเต็มศึกษา (STEM education)
เคลย์ เดอ โป โบเต้ (Cle de Peau Beaute) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางสุดหรูระดับโลก มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศชื่อผู้คว้ารางวัลพาวเวอร์ ออฟ เรเดียนซ์ (Power of Radiance) ประจำปีนี้ ซึ่งได้แก่คุณอแมนดา ซีมันด์จุนตัก (Amanda Simandjuntak) จากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย สตรีมากความสามารถที่อุทิศตนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับเหล่าเด็กหญิงในชุมชนด้วยการมอบการฝึกอบรมในสาขาสะเต็มศึกษา (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) รางวัลพาวเวอร์ ออฟ เรเดียนซ์ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของภารกิจการกุศลระยะยาวของแบรนด์เคลย์ เดอ โป โบเต้ ซึ่งรวมถึงการเป็นพันธมิตรกับองค์การยูนิเซฟ [1] ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2562 เพื่อสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ เคลย์ เดอ โป โบเต้ มุ่งมั่นที่จะปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงให้กับเด็กผู้หญิงและสร้างโลกที่ดีกว่าเดิมต่อไป โดยอาศัยพลังของสะเต็มศึกษา ตลอดจนโปรแกรมที่ช่วยผลักดันความสามารถให้กับพวกเธอ

ในขณะที่ทั่วโลกยังคงเดินหน้าใช้โซลูชันทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสร้างโลกยุคหลังโควิด ศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดจากประชากรกว่าครึ่งซึ่งรวมถึงเด็กผู้หญิงและสตรีนั้นจึงมิอาจมองข้ามได้ เหล่าเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะผู้ที่มาจากพื้นที่ห่างไกลนั้นไม่สามารถเข้าถึงสะเต็มศึกษาได้ ในปัจจุบัน องค์กรธุรกิจต่าง ๆ ต่างต้องการแรง
งานที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรม
คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์กันมากขึ้น ส่งผลให้ปัญหาความไม่เสมอภาคทางเพศทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้หญิงที่ทำงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้มีน้อยมาก สำหรับในอินโดนีเซีย ปัญหาการ
แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย การตั้งครรภ์ และแรงกดดันจากครอบครัวทำให้เด็กผู้หญิงไม่ได้รับการส่งเสริมให้เข้าถึงการศึกษาได้ตามที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกัน ผู้หญิงที่ถูกแบ่งแยกทางการศึกษามานั้นมักถูกกีดกันไม่ให้ทำงาน ซึ่งในจุดนี้ คุณซีมันด์จุนตักมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการมอบการเรียนในสาขาสะเต็มศึกษาให้กับเด็กผู้หญิงและสตรีที่ด้อยโอกาสในอินโดนีเซีย เพื่อที่พวกเธอจะได้มีโอกาสเข้าร่วมในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญนี้
ข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟ ระบุว่า โควิด-19 ได้ทำให้วิกฤตการศึกษาในอินโดนีเซียที่ย่ำแย่อยู่แล้วนั้นทรุดหนักลงไปกว่าเดิม อัตราว่างงานในกลุ่มผู้หญิงวัยรุ่นในอินโดนีเซียอยู่ที่ 15.62%[2] คุณซีมันด์จุนตัก ซึ่งเป็นซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของมาร์โคดิง (MARKODING) ได้เปิดฝึกอบรมด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแก่เด็กผู้หญิงและสตรีกว่า 10,000 คน ทั้งการเขียนโปรแกรม (Coding) การออกแบบ UI/UX และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้อัตราของเด็กผู้หญิงที่ได้รับการฝึกอบรมด้านดิจิทัลเพิ่มขึ้นแตะ 55% ในเวลาเพียงแค่ปีเดียว นอกจากนี้ เธอยังได้จัดตั้งโครงการทุนการศึกษา "เกิร์ลส์ แคน โค้ด สกอลาร์ชิป โปรแกรม" (Girls Can Code Scholarship Program) รวมถึงโครงการ "เกิร์ลส์ แคน โค้ด เว็บบินาร์ ซีรีส์" (Girls Can Code Webinar Series) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กผู้หญิงอยากเข้าทำงานในสายนี้กันมากขึ้น โดยคุณมิซูกิ ฮาชิโมโตะ (Mizuki Hashimoto) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์ของเคลย์ เดอ โป โบเต้ กล่าวว่า "เข้าสู่ปีที่ 4 ของรางวัลพาวเวอร์ ออฟ เรเดียนซ์ พวกเราทีมงานเคลย์ เดอ โป โบเต้ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกโดยอาศัยพลังของการศึกษาและการเสริมความแข็งแกร่งผ่านการสนับสนุนคุณซีมันด์จุนตัก ซึ่งงานของเธอนั้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเราทุกคนอย่างมาก พลังและความสำเร็จของเธอนั้นเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของเราที่หวังจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ผ่านการมุ่งมั่นลงมือทำสิ่งดี ๆ"
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นต้นมา มาร์โคดิงได้จับมือกับองค์การยูนิเซฟ อินโดนีเซีย เพื่อจัดทำโครงการ "ดิจิทัล อินโนเวชัน ชาลเลนจ์" (Digital Innovation Challenge) สำหรับให้ความช่วยเหลือเด็กผู้หญิงได้พัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 รวมถึงทักษะด้านดิจิทัล และทักษะการเป็นผู้ประกอบการ โดยโครงการดังกล่าวได้อบรมทักษะให้เยาวชนไปแล้ว 5,256 คน จาก 126 โรงเรียน
คุณซีมันด์จุนตัก กล่าวว่า "ภารกิจของดิฉันคือ การเสริมสร้างพลังให้กับเด็กสาวและผู้หญิงในอินโดนีเซีย เพื่อให้เป็นนักแก้ปัญหาโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี เรามอบอาวุธอันทรงพลังให้พวกเขาโดยเสริมทักษะแห่งศตวรรษ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร การร่วมมือ และการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น เรามอบพลังวิเศษเพื่อปลดปล่อยศักยภาพและพยายามไปด้วยกันเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่า เท่าเทียมกัน และปลอดภัยยิ่งขึ้น"
ในฐานะผู้ได้รับรางวัลพาวเวอร์ ออฟ เรเดียนซ์ ปี 2565 พร้อมเงินรางวัล คุณซีมันด์จุนตักจะนำเงินรางวัลดังกล่าวไปบริจาคให้กับโครงการดิจิทัล อินโนเวชัน ชาลเลนจ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กผู้หญิงได้เข้ารับการศึกษาด้านสะเต็มศึกษา รวมถึงสร้างโอกาสในการทำงาน โดยแผนการสนับสนุนด้านการศึกษาของเคลย์ เดอ โป โบเต้ เริ่มต้นขึ้นจากความฝันที่อยากเห็นโลกที่ดีขึ้นกว่าเดิม พลังแห่งการเผยความงามที่เปล่งประกายจากภายในซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้อย่างแท้จริงนั้น มีอยู่ในตัวเราทุกคน และเคลย์ เดอ โป โบเต้ จะยังคงยืนหยัดเคียงข้างเด็กผู้หญิงและผู้หญิงทั่วโลก ผ่านการมอบรางวัลพาวเวอร์ ออฟ เรเดียนซ์ ในขณะที่พวกเธอเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ เพื่อตัวเอง ครอบครัว และชุมชน
[1] ยูนิเซฟไม่ได้ให้การรับรองบริษัท แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ
[2] ที่มา: ผลวิจัยทักษะสำหรับอนาคตในอินโดนีเซีย