ความตกลงครั้งนี้มุ่งสร้างผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่งระดับแนวหน้าในสหราชอาณาจักร หมู่เกาะแชเนิล และไอร์แลนด์
รอยัลแบงก์ออฟแคนาดา (Royal Bank of Canada หรือ RBC) ประกาศว่า รอยัลแบงก์ออฟแคนาดาจะเข้าซื้อกิจการบริษัทเบรวิน ดอลฟิน (Brewin Dolphin) หากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของบริษัท เบรวิน ดอลฟิน โฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน) (Brewin Dolphin Holdings PLC) ("เบรวิน ดอลฟิน") และได้รับการอนุมัติด้านการกำกับดูแลทั้งหมด
บริษัท รอยัลแบงก์ออฟแคนาดา เวลธ์ แมเนจเมนต์ (เจอร์ซีย์) โฮลดิงส์ จำกัด (RBC Wealth Management (Jersey) Holdings Limited) ("Bidco") บริษัทลูกที่รอยัลแบงก์ออฟแคนาดาเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ได้เผยแพร่ประกาศตามกฎ 2.7 (Rule 2.7) ในสหราชอาณาจักรภายใต้กฎหมายการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (City Code on Takeovers and Mergers) โดยได้ประกาศราคาเสนอซื้อเป็นเงินสดสำหรับทุนเรือนหุ้นทั้งหมดที่มีและที่จะมีของบริษัทเบรวิน ดอลฟินที่ราคา 515 เพนซ์ต่อหุ้น บ่งชี้มูลค่าหุ้นทั้งหมดที่ราว 2.6 พันล้านดอลลาร์แคนาดา (1.6 พันล้านปอนด์) โดยคำนวณตามราคาถัวเฉลี่ยของหุ้นเมื่อพิจารณาผลกระทบทั้งหมดหลังการเสนอซื้อขายหุ้น (fully diluted)
เบรวิน ดอลฟิน เป็นหนึ่งในบริษัทอิสระระดับแนวหน้าของสหราชอาณาจักรผู้ให้บริการการบริหารจัดการความมั่งคั่งด้วยดุลยพินิจในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ โดยมีเครือข่ายสำนักงานกว่า 30 แห่งและมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการรวม 59,000 ล้านปอนด์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เบรวิน ดอลฟิน มีผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจในด้านการเติบโตและนวัตกรรม และมีผลงานในการให้บริการลูกค้าอย่างเหนือชั้นประกอบกับมีผลการดำเนินงานด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งมาอย่างยาวนาน
ดั๊ก กัซแมน (Doug Guzman) ประธานฝ่ายบริการบริหารจัดการความมั่งคั่ง ประกัน และการลงทุนของเครือรอยัลแบงก์ออฟแคนาดา กล่าวถึงการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ว่า "สหราชอาณาจักรเป็นตลาดการเติบโตที่สำคัญสำหรับรอยัลแบงก์ออฟแคนาดา และเบรวิน ดอลฟินเป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับการเปลี่ยนแปลงธุรกิจการบริหารจัดการความมั่งคั่งของเราในภูมิภาคแห่งนี้ เนื่องจากรอยัลแบงก์ออฟแคนาดา เวลธ์ แมเนจเมนต์อยู่ในอันดับ 3 ในตลาดสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำตลาดในแคนาดา และมีตำแหน่งที่กำลังเติบโตในสหรัฐอเมริกา ด้วยการรวมสองธุรกิจที่ส่งเสริมกันอย่างมากนี้ เราจะเพิ่มความลึกและความกว้างของบริการต่าง ๆ ของเรา ตลอดจนสถานะของธุรกิจที่รวมกัน ในการเป็นผู้ให้บริการการบริหารจัดการความมั่งคั่งแบบบูรณาการระดับแนวหน้าสำหรับลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าที่เป็นสถาบัน"
"ทีมบริหารของทั้งสองบริษัทรู้สึกตื่นเต้นกับวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันในเรื่องบริการลูกค้าคุณภาพสูง วัฒนธรรมการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และโอกาสการเติบโตที่ยอดเยี่ยมที่เราสามารถบรรลุร่วมกัน เรามุ่งที่จะลงทุนต่อไปในธุรกิจที่รวมกันนี้และยกระดับให้สูงยิ่งขึ้น เรามั่นใจว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะนำประโยชน์มาสู่ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราร่วมกัน"
เดวิด โธมัส (David Thomas) ซีอีโอกิจการตลาดทุนของรอยัลแบงก์ออฟแคนาดาประจำภูมิภาคยุโรป และประธานฝ่ายการบริหารจัดการความมั่งคั่ง กล่าวว่า "นี่เป็นการเข้าซื้อกิจการที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับอยัลแบงก์ออฟแคนาดา เวลธ์ แมเนจเมนต์ และเสริมสร้างสถานะของรอยัลแบงก์ออฟแคนาดาในการเป็นผู้นำตลาดในหลายแพลตฟอร์มธุรกิจในสหราชอาณาจักร หมู่เกาะแชเนิล และยุโรป เราตั้งตารอที่จะได้ต้อนรับพนักงานและลูกค้าของเบรวิน ดอลฟิน และทำงานร่วมกันเพื่อใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงระดับโลกและสมรรถนะที่สำคัญของรอยัลแบงก์ออฟแคนาดาในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตของธุรกิจที่มารวมกันนี้"
โรบิน เบียร์ (Robin Beer) ซีอีโอบริษัทเบรวิน ดอลฟิน กล่าวว่า "คณะกรรมการบริษัทเบรวิน ดอลฟินยินดีที่ได้นำเสนอข้อเสนอนี้ของรอยัลแบงก์ออฟแคนาดาเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นของเรา ลูกค้าของเรา บุคลากรของเรา และคู่ค้าทางธุรกิจของเรา ด้วยการสานต่อการเติบโตจากภายในที่เราได้บรรลุมาจนถึงปัจจุบัน ธุรกิจที่มารวมกันนี้จะสร้างแพลตฟอร์มที่น่าดึงดูดสำหรับการเติบโตในอนาคต ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของรอยัลแบงก์ออฟแคนาดา เราจะสามารถให้บริการลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนขยายช่องทางการกระจายบริการของเราด้วยการใช้ประโยชน์จากบทบาทระดับโลกของรอยัลแบงก์ออฟแคนาดา เราต่างมีคุณค่าที่ส่งเสริมกัน ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของความสัมพันธ์ลูกค้าที่ยืนยาว และวัฒนธรรมการให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มคนที่สนับสนุนพนักงานและชุมชนท้องถิ่น เราจะมุ่งเน้นการรักษาความต่อเนื่องเพื่อที่จะได้สานต่อสิ่งที่ได้บรรลุมาแล้ว ผมตั้งตารอที่เราจะได้ทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับสถานะในตลาด สู่การเป็นผู้บริหารจัดการความมั่งคั่งชั้นนำที่มุ่งเน้นด้านการให้คำปรึกษาและใช้ระบบดิจิทัล"
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้อัตราส่วนตราสารทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Common Equity Tier 1 หรือ CET1) ของรอยัลแบงก์ออฟแคนาดาลดลงราว 40 bps [1] ณ วันที่การซื้อกิจการมีผล [2] รอยัลแบงก์ออฟแคนาดาเชื่อว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ปรับค่าแล้วสำหรับรอยัลแบงก์ออฟแคนาดาเพิ่มขึ้นราว 1% ในปีแรกหลังจากวันที่การซื้อกิจการมีผล โดยไม่รวมประโยชน์จากการรวมกิจการด้านรายรับ [3] ในระยะกลางรอยัลแบงก์ออฟแคนาดาเชื่อว่าธุรกิจการบริหารจัดการความมั่งคั่งที่รวมกันในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และหมู่เกาะแชเนิลจะสามารถสร้างรายรับจากอัตราการเติบโตของพอร์ตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ราว 9% และมีผลกำไรก่อนชำระภาษีที่ปรับค่าแล้วที่ราว 0.5 พันล้านดอลลาร์แคนาดา รวมถึงประโยชน์จากการรวมกิจการในด้านต้นทุนและรายรับ [4] การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คาดว่าจะสร้างอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR)[5] เป็นตัวเลขสองหลัก ไม่รวมประโยชน์จากการรวมกิจการด้านรายได้ในอนาคต
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขตามธรรมเนียมปฏิบัติหลายประการในประกาศตามกฎ 2.7 รวมถึงการอนุมัติด้านการกำกับดูแลและการอนุมัติของผู้ถือหุ้นของเบรวิน ดอลฟิน เราคาดว่าการดำเนินการครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565
ดูรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ในประกาศตามกฎ 2.7 ได้ที่ https://www.rbc.com/investor-relations/offer-for-brewin-dolphin.html