“ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลรัฐฯ” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มงานใหม่และจำเป็นจะต้องตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน หรืออาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายแต่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย แล้วค่าตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลของรัฐมีราคาเท่าไร? แต่ละแห่งมีให้บริการอะไรบ้าง?
ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลรัฐ ที่ไหนบ้าง?1.โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ (
http://www.nkp-hospital.go.th/th/healthCheckup.php )
•โปรแกรมมาตรฐาน1,370บาท
•โปรแกรม Premium ชาย1,900บาท
•โปรแกรม Premium หญิง2,480บาท
2.โรงพยาบาลตำรวจ (
http://www.policehospital.org/content/news.php?ID=6997&dept=27)
•โปรแกรม Economic ตรวจ 12 รายการ 1,000 บาท
•โปรแกรมตรวจสำหรับผู้มีอายุน้อยกว่า 30 ปี ตรวจ 19 รายการ 1,770 บาท
•โปรแกรมตรวจสำหรับผู้มีอายุ 30-40 ปี ตรวจ 25 รายการ 2,420 บาท
•โปรแกรมตรวจสำหรับผู้มีอายุ 40 ปี ตรวจ 28 รายการ 2,773 บาท
•โปรแกรม Premium ตรวจ 35-36 รายการ7,093 บาท
3.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (
https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/annual-checkup-program/)
•โปรแกรมที่ 1 ตรวจสุขภาพทั่วไป 4 รายการ สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี 410 บาท
•โปรแกรมที่ 2 สำหรับผู้ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจ 10 รายการ 1,180 บาท
4.โรงพยาบาลราชวิถี (
https://www.rajavithi.go.th/rj/?page_id=475)
•โปรแกรมตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน 11 รายการ 1,490 บาท
5.โรงพยาบาลศิริราช (
https://www.si.mahidol.ac.th/sirirajhospital/SirirajCheckupCenter.php )
•สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี975 บาท
•สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 35-50 ปี1,460 – 2,050บาท
•สำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป 2,130 – 2,300บาท
6.โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี (
http://www.nopparat.go.th/nrhweb62/pagetbody_check.php )
•สำหรับผู้ที่อายุระหว่าง 15-35 ปี730 บาท
•สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 35-45 ปี1,560บาท
•สำหรับผู้ที่อายุ 45 ปีขึ้นไป 1,860บาท
7.โรงพยาบาลรามาธิบดี
https://www.rama.mahidol.ac.th/sdmc/sites/default/files/public/%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E_3.pdf •โปรแกรม 1 (สำหรับผู้ที่มีอายุ 15-30 ปี)2,490บาท
•โปรแกรม 2 (สำหรับผู้ที่มีอายุ 31-40 ปี)2,640 – 3,810บาท
•โปรแกรม 3 (สำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป)6,640 – 11,990บาท
ตรวจสุขภาพประจำปี ต้องตรวจอะไรบ้าง?1.ตรวจสุขภาพกลุ่มคนวัยทำงาน ที่มีอายุระหว่าง 18 – 60 ปี
•ตรวจสุขภาพช่องปาก ควรได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันจากทันตแพทย์หรือทันตภิบาลเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง
•ตรวจการได้ยิน ควรได้รับการตรวจการได้ยินด้วยการใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ถูกันเบา ๆ ห่างจากรูหูประมาณ 1 นิ้ว ปีละ 1 ครั้ง
•ประเมินสภาวะสุขภาพ ทั้งความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะซึมเศร้า การติดนิโคตินในผู้สูบบุหรี่ (ตรวจเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่) การดื่มแอลกอฮอล์ (ตรวจเฉพาะผู้ที่ดื่ม) การใช้ยาและสารเสพติด (ตรวจเฉพาะผู้ที่ใช้สารเสพติด)
•การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest x-ray) : ช่วยตรวจหาวัณโรค โรคปอดเรื้อรังบางชนิด หรือรอยโรคผิดปกติอื่น ๆ ในปอด (เฉพาะคนที่มีความเสี่ยง เช่น คนที่ไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หรือมีอาการสงสัยว่าป่วยเป็นวัณโรค และมะเร็งปอด)
•ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) : ช่วยในการตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง รวมทั้งอาจตรวจพบความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เม็ดเลือดหรือเกล็ดเลือดผิดปกติ
•ตรวจระดับไขมันในเลือด : ควรตรวจระดับไขมันในเลือดทุก 5 ปี เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
•ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด : อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทุก 3 ปี เพื่อช่วยตรวจกรองความเสี่ยงโรคเบาหวาน ( หากมีเครื่องตรวจเบาหวานเป็นของตนเอง ควรตรวจเป็นประจำทุกเดือน
•ตรวจปัสสาวะ : เพื่อช่วยตรวจคัดกรองโรคไตบางชนิด
•ตรวจอุจจาระ : บุคคลตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจอุจจาระ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ปีละ 1 ครั้ง
•ตรวจวัดระดับกรดยูริก : เพื่อช่วยประเมินระดับกรดยูริกซึ่งอาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเกาต์หรือนิ่วกรดยูริก (ตรวจเฉพาะคนที่มีอาการปวดข้อ มีอาการข้ออักเสบ หรือข้อพิการ ซี่งสุ่มเสี่ยงเป็นโรคเกาต์เท่านั้น)
•การตรวจการทำงานไต : เพื่อเช็กสมรรถภาพการทำงานของไต
•การตรวจการทำงานตับ : เพื่อเช็กการทำงานของตับ
•ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) : เฉพาะคนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ควรได้รับการตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) โดยตรวจเพียงคร้ังเดียว
2.ตรวจสุขภาพเพิ่มเติมสำหรับเพศหญิง
•ตรวจเต้านม : ผู้หญิงในช่วงอายุ 30-39 ปี ควรได้รับการตรวจเต้านมทุก ๆ 3 ปี จากแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข ที่ได้รับการฝึกอบรม และอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจเต้านมเป็นประจำทุกปี
•ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก : ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วย Pap’s smear ทุก 3 ปี หรือวิธีป้ายหาความผิดปกติโดยใช้กรดอะซิติก (VIA) ทุก 5 ปี ทว่าหากมีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจด้วยวิธี Pap’s smear แม้ว่าจะเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็ตาม
การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นจะช่วยให้รู้สภาวะปัจจุบันของร่างกาย เพื่อหาทางป้องกันการเกิดโรคและส่งเสริมสุขภาพให้มีร่างกายที่แข็งแรง บรรเทาอาการเจ็บป่วยหรือรักษาได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินให้คุณจากโรคร้าย ประกันภัยโรคมะเร็งจากสินมั่นคงประกันภัย จ่ายเป็นเงินก้อน (เต็มทุนประกัน) ให้ทันทีที่ตรวจพบโรคมะเร็งครั้งแรก ไม่จำกัดวิธีการรักษา สนใจรายละเอียด คลิก
https://www.smk.co.th/producthealthdetail/6 หรือ โทร.1596 Line : @smkinsurance