เมื่อเร็ว ๆนี้ ณ ลานกิจกรรม อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ได้เป็นประธานในการแถลงข่าวเปิดตัวยูนิฟอร์มกีฬา “SAT กับการพัฒนากีฬาไทย ภายใต้นโยบาย BCG” โดยมี นายวุฒิพงศ์ เย่ ประธานกลุ่มธุรกิจเย่ห์กรุ๊ป นายภาวิต วยาจุต ผู้แทนจากสโมสรฟุตบอล ทรูแบงค็อกยูไนเต็ด นายสุเทพ วงค์รื่น ประธานสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี Mr. Matias Gaston Conde Mirasso กรรมการบริหารและหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรฟุตบอลสยามเอฟซี และคณะผู้บริหาร กกท. ร่วมงาน
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า ยูนิฟอร์มใหม่ของ กกท. เป็นการร่วมมือกับบริษัท เย่ห์กรุ๊ป จำกัด เจ้าของนวัตกรรม “drydye” ที่สามารถย้อมผ้าโดยไม่ใช้น้ำ ถือเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบสนองกับนโยบาย BCG Model ที่ต้องการปลูกจิตสำนึกผู้มีส่วนร่วมทางการกีฬา อาทิ ผู้จัดหาวัสดุอุปกรณ์การกีฬา ผู้จัดการกีฬา และสาธารณชน ให้เกิดพฤติกรรมภายใน ได้แก่ “การมีน้ำใจนักกีฬา เพื่อรักษ์สิ่งแวดล้อม” เห็นความสำคัญและคุณค่าของทรัพยากรที่ใช้ในกิจกรรมกีฬา โดยสามารถนำทรัพยากรไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำหนด นโยบายโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Bio – Circular – Green Economy: BCG Model) ซึ่งประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว มาเป็นแนวทางในการดำเนินโครงการ “การท่องเที่ยวและกีฬาสีขาว” เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นายวุฒิพงศ์ เย่ ประธานกลุ่มธุรกิจเย่ห์กรุ๊ป กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการสนับสนุน กกท. คือแนวคิด BCG ของกกท.ที่ต้องการเป็น Circular และGreen Economy ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจของเย่ห์กรุ๊ป และ drydye ซึ่งเป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่สามารถย้อมผ้าโดยไม่ต้องใช้น้ำเลย เป็นการประหยัดค่าพลังงาน ค่าสี ค่าเคมี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่จำเป็นต้องบำบัดน้ำเสีย เพราะนวัตกรรมนี้ใช้คาร์บอนไดออกไซด์( CO2)ในการย้อมผ้าโดยสามารถรีไซเคิล CO2กลับมาใช้อีก ทั้งหมดนี้คือกระบวนการที่ภาคธุรกิจทำได้ ซึ่งตรงกับแนวนโยบาย SDGs หรือ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ของสหประชาชาติ 17 เป้าหมายซึ่งมีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสิ่งทอ 7 ข้อซึ่งเราสามารถทำได้ อาทิ เรื่องน้ำ อากาศเสีย สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2012
ในกิจกรรมกีฬาไทยตอนนี้เย่ห์กรุ๊ปและ drydye ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในThai Run ทั้งหลาย เช่น Park Run ของ TTB งาน KU Run ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ Chula Run ของจุฬาฯ หลังจากเติบโตในต่างประเทศโดยเข้าร่วมในกีฬาโอลิมปิกและงานวิ่งระดับโลก
ประธานเย่ห์กรุ๊ป กล่าวด้วยว่า ธุรกิจของเย่ห์กรุ๊ปไม่ได้ทำแค่ชุดกีฬาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด แต่ยังผลิตชุดชั้นในสุภาพสตรีซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตและไม่เคยหยุดนิ่ง โดยเฉพาะยุคปัจจุบันสุภาพสตรีจะคำนึงถึงผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับผิวหนังในจุดซ่อนเร้นที่อาจเป็นอันตรายได้ ปัจจุบันนวัตกรรม drydye มีความร่วมมือกับแบรนด์ชุดชั้นในไทยเช่น ไทรอัมพ์ วาโก้ ซาบีน่า จินตนา รวมถึงแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ และ วิคตอเรีย ซีเคร็ท ฯลฯ
นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอถูกมองว่าเป็น Sunset Industry มาโดยตลอด และยังเป็นที่รังเกียจของสังคมเพราะเดิมทำให้เกิดน้ำเสีย ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอต้องย้ายฐานการผลิตออกจากไทย แต่หากศึกษาให้ละเอียดจะพบว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอมีต้นทุนด้านแรงงานแค่ 15% อีก 85% คือวัตถุดิบ สีเคมี ดังนั้นถ้าเราสามารถรีไซเคิลกระบวนการผลิตได้ อุตสาหกรรมสิ่งทอจะไม่ใช่ Sunset จะสามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆในการผลิตสินค้าคุณภาพด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้
“ถ้าเราสู้กับ Sunset Industry ด้วยต้นทุนมีแต่ตาย แต่ถ้าสู้ด้วยนวัตกรรมเราสามารถจะควบคุมต้นทุนได้ เรามีเป้าหมายว่าจากปี 2025-2040 จะพยายามลดต้นทุนด้วยการลดการใช้น้ำให้เป็นศูนย์ภายในปี 2040” ประธานเย่ห์กรุ๊ปเจ้าของนวัตกรรม drydye กล่าวในที่สุด