เดี๋ยวนี้การคุมกำเนิดมีหลายวิธีมาก ซึ่งวิธีที่ค่อนข้างได้รับความนิยมก็คงหนีไม่พ้น ยาคุมแบบฉีดและแบบฝัง สำหรับสาวๆคนไหนที่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกใช้วิธีไหน มาดูกันค่ะว่าทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
1.ประสิทธิภาพในด้านการคุมกำเนิด
การฝังยาคุมจะให้ผลดีมากกว่าการฉีดยาคุม ซึ่งการฝังยาคุมมีโอกาสที่จะเกิดการตั้งครรภ์เพียง 0.05% ในขณะที่การฉีดยาคุมกำเนิดนั้น จะมีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 6%
2.ระยะเวลาในการคุมกำเนิด
- การฉีดยาคุม มีระยะเวลา 1 เดือน และ 3 เดือน หากต้องการป้องกันต่อต้องฉีดซ้ำเมื่อครบกำหนด
- การฝังยาคุม มีระยะเวลา 3 ปี และ 5 ปี ซึ่งค่อนข้างมีระยะเวลาที่นานไม่ต้องกลัวลืมทานยาคุม หรือไปฉีดยาคุม
3.ความพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์
หากสาวๆคนไหนที่วางแผนที่จะมีลูกในอนาคต การใช้ยาคุมแบบฝังจะค่อนข้างตอบโจทย์มากกว่า เพราะการฝังยาคุมจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะเจริญพันธุ์เพื่อมีบุตร ได้เร็วกว่าการป้องกันด้วยการฉีดยาคุมถึง 90 %
4.ประเภทของฮอร์โมน
- ยาคุมแบบฉีด มีฮอร์โมน 2 ชนิด แบบคุมกำเนิด 1 เดือน จะเป็นฮอร์โมนแบบรวมคือ มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ส่วนแบบคุมกำเนิด 3 เดือน จะมีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว
- ยาคุมแบบฝัง จะเป็นแบบฮอร์โมนชนิดเดี่ยวอย่างเดียว ไม่มีแบบฮอร์โมนรวม
5.กรณีต้องการคุมกำเนิดหลังคลอด
ถ้าคุณแม่ที่ต้องการคุมกำเนิดหลังคลอด แนะนำให้เลือกวิธีการฝังยาคุม เพราะไม่มีผลต่อการให้น้ำนม แต่ก่อนทำการฝังหรือฉีดยาคุมก็ควรให้ทางแพทย์พิจารณาก่อนค่ะ
สนใจฝังยาคุมและอ่านเพิ่มเติม >> https://www.intouchmedicare.com/ฝังยาคุมและถอดยาคุมกำเนิด
สนใจฉีดยาคุมและอ่านเพิ่มเติม >> https://www.intouchmedicare.com/ยาฉีดคุมกำเนิด