ปัจจุบันอาหารเสริมมีหลายชนิดให้เลือกซื้อหามาบริโภค และบางชนิดก็มีชื่อคล้ายกันจนอาจทำให้เกิดความสับสนได้ โดยเฉพาะ “น้ำมันปลา” กับ “น้ำมันตับปลา” แท้ที่จริงแล้วผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสองชนิดนี้มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกัน
น้ำมันปลา หรือ Fish oil
ประกอบด้วยกรดไขมันแบบไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (polyunsaturated fatty acid, PUFA) ชนิดโอเมก้า-3 ที่สำคัญต่อการทำงานและการเจริญเติบโตของร่างกายมนุษย์ และมนุษย์จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้
โอเมก้า-3 ที่พบหลัก ๆ ในน้ำมันปลามี 2 ชนิด คือ docosahexaenoic acid (DHA) และ eicosapentaenoic acid (EPA) น้ำมันปลาได้รับความสนใจจากผู้ที่ห่วงใยสุขภาพ นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาถึงส่วนประกอบ ประโยชน์และผลต่อสุขภาพของการรับประทานน้ำมันปลากันมานานกว่า 50 ปี ตั้งแต่มีนักวิจัยผู้บุกเบิกค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคปลาที่อุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า-3 เป็นประจำกับสถิติการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดต่ำในคนเอสกิโมในกรีนแลนด์ จึงทำให้กระแสความเชื่อว่าการรับประทานน้ำมันปลาซึ่งมีโอเมก้า-3 ปริมาณมาก จะช่วยป้องกันและรักษาโรคหัวใจได้
น้ำมันตับปลา หรือ Cod Liver Oil
เป็นน้ำมันชนิดหนึ่งที่ได้จากตับของปลาคอด ในอดีตย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษก่อน คนในประเทศสหรัฐอเมริกาและแถบยุโรปนิยมรับประทานน้ำมันตับปลาเพื่อป้องกันการเป็นหวัด ลดอาการปวดจากข้ออักเสบรูมาตอยด์ การปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และรักษาโรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets) จนมาในศตวรรษที่ 20 นี่เองที่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้อธิบายว่า สารประกอบที่พบมากในน้ำมันตับปลานอกจากจะมี DHA และ EPA เหมือนกับน้ำมันที่ได้จากส่วนอื่น ๆ ของปลาแล้ว น้ำมันตับปลายังมี “วิตามินเอและวิตามินดี” ในปริมาณมาก
ดังนั้นการรับประทานน้ำมันตับปลาจึงให้ประโยชน์กับผู้ที่ขาดวิตามินเอและวิตามินดี และให้ประโยชน์กับร่างกายได้หลากหลายด้าน เนื่องจากวิตามินเอเป็นวิตามินที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การเจริญเติบโตของกระดูก ทำให้สายตามองเห็นในที่มืดได้ดี มีผลต่อการเจริญของเซลล์ และการทำงานของระบบเจริญพันธุ์ของร่างกาย ส่วนวิตามินดีนั้นนอกจากจะใช้เพื่อป้องกันโรคกระดูกอ่อนที่เกิดจากการขาดวิตามินดีได้แล้ว ยังพบว่าช่วยทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อ และอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็งที่พบบ่อย เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้อีกด้วย
ขอบคุณบทความจาก >> https://www.topsvita.com/blog/post/fish-oil-and-cod-liver-oil.html