หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: นักวิชาการชี้ กสทช.เสียงข้างมากทำหน้าที่ถูกต้อง ไฟเขียวรวบทรู-ดีแทคตามกฎหมาย สร้  (อ่าน 17 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 27 ต.ค. 22, 13:35 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

นายสืบศักดิ์ สืบภักดี นักวิชาการด้านโทรคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่บอร์ด กสทช.มีมติเสียงข้างมากรับทราบการควบรวม ทรู – ดีแทค และได้กำหนดเงื่อนไข/มาตรการเฉพาะ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคและการพัฒนากิจการโทรคมนาคมว่า ถือเป็นการพิจารณาที่รอบคอบและถูกต้องตามกฎหมายบัญญัติ เนื่องจากเรื่องนี้ตามกฎหมายจะพิจารณาโดยมติ “อนุมัติ” หรือ “ไม่อนุมัติ” ไม่ได้

เนื่องจากการควบรวมในกรณีในลักษณะนี้ของทรูดีแทค ระบุไว้ชัดเจนในประกาศ กสทช.ปี 2561 ซึ่งให้ กสทช. มีอำนาจในการพิจารณารับทราบรายงานและยังมีอำนาจเต็มในการออกมาตรการเสริมเพิ่มเติม ถ้าสังคมมีความกังวลเรื่องของค่าบริการ คุณภาพการให้บริการ และการดูแลลูกค้า ซึ่งบอร์ด กสทช.ก็ได้ออกเงื่อนไข/มาตรการเฉพาะมาคุมเข้ม ไม่ว่าจะเป็นการห้ามรวมแบรนด์กันนานถึง 3 ปี รวมถึงมีมาตรการเรื่องเพดานราคา และยังต้องแบ่งคลื่นให้กับ MVNO ฯลฯ

ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการควบรวมกิจการทรูดีแทคจะไม่สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค หรือ การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม แต่กลับจะทำให้ภาคโทรคมนาคมได้มีโอกาสพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาคได้อีกด้วย ทั้งนี้มองว่าเงื่อนไขที่ กสทช.กำหนดคุมเข้มนั้น ถือว่าดีกับทั้งอุตสาหกรรม และน่าจะบังคับใช้กับผู้ประกอบการทุกรายในอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อ 25 ต.ค.65 กสทช.ได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการแจ้งให้ทรูและดีแทค รับทราบการรวมธุรกิจโดยกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะเพื่อกำกับดูแลการควบบริษัท

ซึ่งปรากฏว่าภายในวันเดียวกันทรูและดีแทคได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯโดยทันทีว่าจะพิจารณาเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะดังกล่าวเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่เหมาะสมและการดำเนินการขั้นต่อไป แสดงให้เห็นว่าทั้งทรูและดีแทคจะเร่งการควบรวมหลังจากที่ได้รับแจ้งมติ กสทช.อย่างเป็นทางการ

โดยมีประเด็นสำคัญ 3 ประเด็น 1.ดีลยังไม่จบและอาจเรียกได้ว่ายังมีเรื่องต้องผ่าฟัน 2.ข้อปฏิบัติที่เอกชนเห็นว่าปฏิบัติไม่ได้หรือไม่เป็นธรรมก็อาจร้องแย้งมติ 3.ความเห็นและข้อกังวลที่เกิดหลังมติ กสทช. 20 ตุลาคม 2565

ประเด็นแรก #ดีลยังไม่จบและอาจเรียกได้ว่ายังมีเรื่องต้องฝ่าฟัน โดยระบุว่า เงื่อนไขและมาตรการเฉพาะ ที่ กสทช. ออกท้ายมติ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคและการพัฒนากิจการโทรคมนาคมเท่าที่เห็นนั้น แม้หลายข้อจะเป็นการปรับจากการหยั่งเสียง และรับฟังข้อมูลก่อนหน้านี้มาเเล้วเพื่อบาลานซ์ทั้งต่อข้อร้องเรียนเเละข้อกังวลขององค์กรผู้บริโภค เเละฝั่งอุตสาหกรรม เเละข้อมูลทางเทคนิคแล้ว จนออกมาเป็นเงื่อนไขที่ดูแล้ว "พอจะ" หาทางไปได้ไม่เกิดการปฎิบัติไม่ได้ หรือได้ยากเเล้ว แต่เมื่อพิจารณารายข้อก็จะยังพบว่าสิ่งที่ทั้ง กสทช. และผู้รับใบอนุญาตจะต้องดำเนินการยังมีรายละเอียดที่ต้องทะลุให้ได้อยู่หลายข้อ

ในการดำเนินการต่อนั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยซึ่ง กสทช. เองอาจจะต้องมีการตั้งคณะทำงาน หรืออนุกรรมการเพื่อจัดทำมาตรการ แนวปฏิบัติ หรือคณะทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการทางเทคนิคที่มีการพูดถึงหลายประเด็นทั้งเรื่องการขยายเครือข่าย การสร้างและใช้โครงสร้างพื้นฐานทั้งในแง่คลื่น สถานีฐาน ซึ่งอาจมีระบุในภาพรวมเพื่อคงมาตรฐานบริการที่ไม่ด้อยกว่าเดิม แต่ในความเป็นจริงต้องถูกนำไปปฏิบัติและตรวจสอบอย่างเข้มข้น

รวมไปถึงเรื่องการบริการผู้ใช้บริการตามที่มาตรการท้ายมติกำหนดไว้โดยละเอียดทั้งศูนย์บริการ การคงแบรนด์ให้ผู้บริโภคมีทางเลือก หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ระดับ Call Center อีกทั้งเรื่องกลไกควบคุมราคา การจัดส่งรายงานและการเฉลี่ยราคาใหม่ ด้วยการถ่วงน้ำหนักตามจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละรายการส่งเสริมการขาย ซึ่งกำหนดกรอบเวลา 90 วันต่อจากนี้ ทั้งต้องมีการทำ Average Cost Pricing การต้องจัดทำรายงานโดยที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านการสอบทานโครงสร้างต้นทุน อัตราค่าบริการ หรือข้อมูลด้านอัตราต่าง ๆ ของอุตสาหกรรม

ประเด็นที่ 2 #ข้อปฏิบัติที่เอกชนเห็นว่าปฏิบัติไม่ได้หรือไม่เป็นธรรมก็อาจร้องแย้งมติ นายสืบศักดิ์ แสดงความเห็นว่า ข่าวจากหน้าสื่ออาจจะทำให้เราทราบเพียงมุมขององค์กรบางแห่งอาจไม่พอใจต่อการตัดสินใจตามมติ กสทช. ด้วยแง่มุมใดก็เเล้วแต่และอาจพึ่งกระบวนการยุติธรรม แต่ในอีกแง่มุมนึงฝั่งผู้ประกอบการก็อาจจะเห็นว่า มาตรการเเละเงื่อนไขที่กำหนดท้ายมตินั้น อาจปฏิบัติไม่ได้หรือไม่สมเหตุสมผลได้เช่นกัน ซึ่งในมุมนี้ฝั่งผู้ประกอบการก็อาจจะรอเอกสารการเเจ้งมติ และรายละเอียดจากสำนักงาน กสทช. เพื่อพิจารณา เนื่องจากดังที่กล่าวมาเงื่อนไขหลายข้อก็ขัดกับเหตุผลและวัตถุประสงค์ของการควบรวมกิจการเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้า และแข่งขันได้ แต่อาจเป็นภาระเกินควรต่อการควบรวม และอาจจะแย้ง หรือแม้แต่ฟ้องเพื่อยับยั้งได้เช่นกันหากมองว่าได้รับผลกระทบ หรือไม่เป็นธรรม(ต้องไม่ลืมว่าในตลาดก็ยังมีคู่แข่งที่ต้องแข่งขันด้วยอยู่)

ประเด็นที่ 3 #ความเห็นและข้อกังวลที่เกิดหลังมติ กสทช. 20 ตุลาคม 2565 โดยระบุว่า แม้จะมีความชัดเจนจากการตอบข้อสอบถามของ กสทช. จากสํานักงานกฤษฎีกา ถึงกรอบอำนาจของ กสทช. โดยเฉพาะประเด็นอำนาจตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม