นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ร่วมกันเรียกร้องให้รัฐเป็นเจ้าภาพกิจการดาวเทียม
การเปิดประมูลใบอนุญาต การใช้สิทธิในวงโคจรดาวเทียม ที่กสทช.จะเปิดประมูลในวันที่ 8 มกราคม 2566 นี้ คือประโยชน์ของชาติ ที่พวกเราต้องช่วยกันยับยั้ง หลังจากที่เคยยับยั้งมาแล้ว ในเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
ในครั้งนี้ กสทช. จับมัดยกชุดทั้งหมด ที่ประเทศไทยมีสิทธิในวงโคจรดาวเทียม โดยอ้างว่า ถ้าเราไม่ส่งดาวเทียมขึ้นไป จะถูกยึดตำแหน่งวงโคจร โดยเขาจัดชุดเปิดประมูลดังนี้
ชุดที่ 1 ประกอบด้วย วงโคจร 50.5E (ข่ายงาน C1 และ N1) และวงโคจร 51E (ข่ายงาน 51) ราคาเริ่มต้นการประมูล 374 ล้านบาทเศษ
ชุดที่ 2 ประกอบด้วย วงโคจร 78.5E (ข่ายงาน A2B และ 78.5E) ราคาเริ่มต้นการประมูล 360 ล้านบาทเศษ
ชุดที่ 3 ประกอบด้วย วงโคจร 119.5E (ข่ายงาน IP1, P3 และ 119.5E) และวงโคจร 120E (ข่ายงาน 120E) ราคาเริ่มต้นการประมูล 397 ล้านบาทเศษ
ชุดที่ 4 วงโคจร 126E (ข่ายงาน 126E) ราคาเริ่มต้นการประมูล 8 ล้านบาทเศษ
และชุดที่ 5 วงโคจร 142E (ข่ายงาน G3K และ 142E) ราคาเริ่มต้นการประมูล 189 ล้านบาทเศษ
คำถามที่ต้องถาม
1. ทำไมรัฐไม่ทำเอง เป็นเจ้าภาพเอง เพราะพิสูจน์แล้วว่า การส่งดาวเทียมขึ้นไป สร้างความร่ำรวยให้ผู้ทำ และถ้ารัฐเป็นเจ้าภาพสร้างความร่วมมือ ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด
2.การยกให้เอกชนทำทั้งหมด นอกจากสร้างความร่ำรวยแล้ว ถ้าเกิดปัญหา เช่นแฝงการจารกรรม รัฐต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แล้วทำไมรัฐไม่ทำ เพราะตามกฏของITU แม้ให้ใบอนุญาตให้เอกชน แต่เกิดปัญหารัฐต้องรับผิดชอบ
3.ชุดที่สาม ที่ตำแหน่ง 119.5และ 120 องศาตะวันออก มีความสำคัญกับประเทศไทยมาก เนื่องจากศาลฎีกานักการเมือง เคยมีคำวินิจฉัยว่า ไอพีสตาร์ เป็นดาวเทียมนอกสัญญาสัมปทาน รัฐได้รับชำระค่าเสียหายเท่าไร ถ้าประมูลสิทธิไปแล้ว รัฐจะเรียกค่าเสียหายอีกได้ไหม
ที่สำคัญคือ มีคลื่นความถี่ เพื่อความมั่นคงรวมด้วย และสำคัญต่อประเทศมาก ฝ่ายความมั่นคงยอมได้อย่างไร ทำไมรัฐไม่ทำเอง เพราะชุดนี้มีผลประโยชน์สูงมาก และสำคัญต่อประเทศไทยมากเช่นกัน
4.ข้ออ้างกสทช. ว่า สิทธิในวงโคจรจะหมดอายุ ถ้าเราไม่ส่งดาวเทียมขึ้นไป เราสามารถจ้างดาวเทียมชั่วคราว เพื่อรักษาวงโคจรได้
ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่าน ร่วมกันปกป้องประโยชน์ชาติ และเรียกร้องให้รัฐเป็นเจ้าภาพดำเนินกิจการดาวเทียมเอง ถ้าเราปล่อยไปตามกรรม เรื่องดาวเทียมจะจบแบบพลังงาน ไฟฟ้า ที่เอกชนคุมทั้งหมด ประชาชนจะใช้ของแพง แต่เมื่อมีปัญหา กลายเป็นประชาชนรับผิดชอบ(ตามกฏITU)
