จากข่าวการเมืองที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในตอนนี้ ระหว่าง ‘เศรษฐา-อนุทิน’ ที่ทุกสำนักข่าวกำลังเล่นข่าวนี้กันแบบสุดๆ เราผู้ติดตามข่าวนี้อยู่ได้แต่คิดในใจดังๆว่า “ดีลลับ” เค้าดีลกันแบบนี้หรอ เพราะส่วนตัวนั้นเป็นแฟนตัวยงบอลพรีเมียร์ลีกอยู่แล้วก็ได้แต่คิดวิเคราะห์ตามแบบมองจากมุมคอบอลเลยนะ ไม่ใช่คอการเมือง
ก่อนอื่นมาเริ่มกันที่ว่าถ้าเรามีตังค์และคิดอยากไปดูบอลที่อังกฤษ ต้องวางแผนต้องทำวีซ่ากันและการทำวีซ่านั้นจะต้องรอตั้งแต่ 2 อาทิตย์ขึ้นไป บทจะไปบุ๊ปบับก็คงไม่ได้ นอกจากคนที่ปรากฏในข่าวจะมีวีซ่ากันอยู่แล้ว อ่ะแต่ถึงสมมุติว่ามีวีอยู่แล้วอยากไปเลย แล้วตั๋วล่ะ?
อีกประเด็นสำหรับแฟนบอลพันธ์แท้จะรู้ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นคือสัปดาห์ที่แฟนบอลทุกคนเฝ้ารอ ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นได้แชมป์ หรือลุ้นตกชั้น แต่อาร์เซนอลเจ้ากรรมดันสะดุด เลยทำให้การลุ้นแชมป์ของปีนี้ตกไปอยู่ในมือของแมนซิตี้แบบไม่ต้องลุ้น แล้วลุ้นอะไรกันหละ ลุ้นทีมตกชั้น ตกตารางนั้นไงที่จะสนุก แล้วเหมือนเคราะห์ซ้ำทีมเลสเตอร์ที่มีเจ้าของสโมสรเป็นคนไทยนั้น ดันต้องมาลุ้นแต้มเพื่อหนีการตกชั้น นัดนี้เลยทำให้คนไทยเทใจไปเชียร์กันหมด เหล่าแฟนบอลทั้งหลายก็จับจองบัตรเพื่อเข้าชม นัดนี้หาบัตรไม่ยากจริงเพราะเลสเตอร์นั้นไม่ได้เป็นสโมสรที่ลุ้นแชมป์ในปีนี้ แต่ระดับเศรษฐี เซเลป ดารา หรือนักการเมืองก็คงจะไม่ได้ดูบัตรธรรมดา ระดับนี้ก็คงต้องเป็นบัตรแบบ Hospitality อย่างแน่นอน (บัตรแบบนี้มีทุกสโมสรนะ) เพราะดูจากภาพข่าวแล้ว นั่งโซน Long Side แน่นอน เลยฟันธงได้ว่า ได้บัตร Hospitalityชัวร์
บัตร Hospitality นั้นมีสิทธิพิเศษอะไรบ้าง ?
บัตร Hospitality จะมีราคาแพงที่สุดเพราะดูแลแบบVIP ซึ่งถือว่าเป็นสวรรค์ของการไปดูบอลที่สนามเลยทีเดียว ที่นั่งเลยไปนั่งในโซนเดียวกันเพื่อง่ายต่อการดูแลก็อย่างที่เห็นตามข่าวนั่นแหละ ซึ่งบัตรนี้จะมีจำนวนจำกัดไม่ได้รับมากเพราะแต่ละที่นั่งต้องได้รับการดูแล นอกจากนั้นยังได้ ที่จอดรถที่ทางสนามจัดเตรียม การเข้ารับประทานอาหารก่อนเข้าชมเกมแข่งขันที่อยู่ในเพจเกจอีกด้วย ขอบอกเลยว่าเปรมสุดๆถ้าได้ไปดูบอลด้วยบัตรนี้
ดีลลับมีจริงมั้ย?
ดีลลับที่กล่าวกันมากในโลกโซเชี่ยลทำให้เรากลับมาย้อนคิดดูว่า หากจะเกิดการเจรจาทำข้อตกลงของ สองพรรคการเมืองที่อยู่คนละขั้วนั้น ทำไมต้องถ่อสังขารบินไปไกลถึงอังกฤษ ในบอลนัดสำคัญแบบนี้พร้อมสื่อหลักจับจ้องมากมาย มันแปลกไปหมด ที่สำคัญคิงเพาเวอร์สเตเดียม (King Power Stadium) หรือที่เรียกกันว่า เลสเตอร์ซิตี สเตเดียม (Leicester City Stadium ) นั้นมีความจุถึง 32,500 ที่นั่ง ตาสับปะรดคเยอะมากๆ แถมสมัยนี้ใครๆก็เป็นผู้สื่อข่าวได้เพราะมีมือถืออยู่ในมือนั้นสามารถบันทึกได้ทั้งภาพและเสียง หากจะไปเจรจาดีลลับ จริงๆ คงไม่ไปถึงอังกฤษมั้ง คงไปตกลงกันเงียบๆในห้องประชุมหรือสนามกอล์ฟน่าจะดีกว่า
และถ้าย้อนกลับไปถึงประวัติ คุณเศรษฐา ทวีสิน เจ้าตัวเป็นแฟนฟุตบอลทีมลิเวอร์พูลตัวยง หลงรักบอลมานานแสนนานถึงขนาดเป็นเจ้าของคอลัม เศรษฐากับกีฬา ในหนังสือพิมพ์สยามกีฬาที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 2015-2018อีกด้วย อีกอย่างคือก่อนเข้ามาทำการเมือง ทั้งคุณอนุทิน และคุณเศรษฐาก็เป็นนักธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ เค้ารู้จักมักคุ้นกันมาก่อนอยู่แล้ว การเจอกันแล้วพูดคุยกันมันปกติหรือเปล่า? ขนาดในเวทีดีเบตหรือในสภาหลังจบบางคนเหมือนฆ่ากันให้ได้ พอพ้นจอกลายเป็นเพื่อนกันมีให้เห็นเยอะแยะ
และอีกข้อมูลจากเพจหนุ่มเมืองจันท์ ชัดเจนมากว่าเค้าแพลนกันมาล่วงหน้าก่อนเลือกตั้งแล้วว่าจะไปดูบอลนัดนี้ ส่วนตัวคิดว่าถ้ามองแบบเป็นกลาง ก็ควรให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 พรรคจริงๆ ว่าการ ดีลลับ ที่เป็นกระแสกระหน่ำอยู่ในโลกโซเชี่ยล ถ้าฉุกคิดกันสักนิดก็จะรู้ได้เลยว่า มันเป็นไปได้ยาก ทั้งบรรยากาศ ทั้งทีมที่เชียร์ ทั้งคนรอบข้างเป็นหมื่นๆ และที่สำคัญบุคคลในข่าวต้องรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ความลับแต่ก็ต้องไปก็เพราะกีฬาฟุตบอลที่รักจะพลาดได้ไง
ส่วนอันนี้คือคลิปที่เคยสัมภาษณ์เรื่องฟุตบอล (324) คุยนอกสนาม EP.12 ผู้บริหารหมื่นล้านเจาะบอลไทย "เศรษฐา ทวีสิน" - YouTube คนคอมเม้นชื่นชมเยอะมาก จริงๆ ต้องขอบคุณดราม่าที่ทำให้ได้ดูคลิปนี้เหมือนกัน
ดนตรี กีฬา เราดูเพื่อความบันเทิงความสามัคคี ไม่ผิดนะที่ต่อให้เป็นศัตรูกันจริงจะรักกีฬาประเภทเดียวกัน หรือจะร่วมเชียร์ทีมที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ หรือกระทั่งนักกีฬาไทย เราเรียกร้องประชาธิปไตยกันจะเป็นจะตาย แต่เราไม่สามารถเชียร์บอลทีมเดียวกันได้ มันก็ฟังดูน่าเศร้านะ #ฝากไว้ให้คิด
แต่แปลกนะคนอื่นๆบินกันให้ว่อนไม่ค่อยมีดราม่าแรงๆ เนอะ ล่าสุดน้องก็เห็นทั้งน้องอิ๊ง ทั้งดารา ทั้งแกนนำบินไปสิงคโปร์เหมือนกันนะ
ที่มา : https://www.lcfc.com/hospitality?lang=en
https://m.se-ed.com/Detail/เศรษฐากับกีฬา/9786164686939
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/79554
(7) หนุ่มเมืองจันท์ - โพสต์ | Facebook
