เรา สองสาม คน ( That Sounds Good ) .... สองดาวกว่าๆ .....
........................Road Movie แนว Romantic Comedy เรื่องนี้ถือว่าเล่าเรื่องออกมาได้สนุก และน่าประทับใจพอสมควรครับ แต่ผมคิดว่ามันสั้นไปหน่อย ยังขาดอะไรอีกนิดๆ แล้วก็ยังรู้สึกไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ !! ส่วนจะขาดตรงใหน เกินตรงใหน ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ ? เมืองไทยยังไม่ค่อยมีคนทำหนังแนวนี้เท่าไหร่ แล้วก็อยากบอกว่าการเดินทางด้วยกองคาราวานรถยนต์ แบบที่เห็นในภาพ ถือว่าน่าตื่นตา และน่าตื่นเต้น เพราะผมยังไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าความงดงามแบบที่เห็นในภาพ เกิดจากการเดินทางแถวๆประเทศเพื่อนบ้านของเรานี่เอง ไม่ได้เดินทางไปไกลถึงสุดขอบโลกหรือท่องแดนไกลข้ามทวีปแต่อย่างใดเลย !! จริงๆผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ถ่ายภาพสวยงามหวือหวาแต่อย่างใดนะครับ แต่ผมเชื่อว่าความงามของหนังเกิดจากธรรมชาติที่เห็นมันสวยแบบนั้นของมันอยู่แล้วต่างหากครับ
........................เรา สองสาม คน พาคนดูหนังไปพบกับการเดินทางของขบวนรถจิ๊บขาลุย ร่วมๆ 8 คัน ขับตามกันไปเที่ยวตั้งแต่ชายแดนไทย ข้ามลาว เข้าประเทศเวียดนาม แล้ววกกลับมาเมืองไทย เส้นทางร่วมๆ 2000 กว่ากิโลกระมังครับ มีทั้งส่วนที่ทุรกันดารและส่วนที่งดงาม เป็นการผจญภัยที่น่าตื่นตา และที่สนุกกว่านั้นก็คือ กลุ่มคนที่เดินทางไปด้วยกันนี่แหละ ที่ช่วยกันสร้างสีสันทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าประทับใจขึ้นมาได้ !! ความเก๋ของหนังเรื่องนี้ก็คือ กล้าที่จะใช้ตัวละครผู้หญิง ที่มีปัญหาทางการ มองเห็น และการฟัง มาเป็นตัวนำเรื่อง หรือพูดง่ายก็คือ ใช้ตัวละครที่ " พิการ " มาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว ทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับหนัง แต่ไม่ใช่หัวเราะในความขบขันของสาวๆนะครับ แต่ขำในความเปิ่น และความน่ารักของตัวละครต่างหาก !! แล้วหนังก็เล่นตลกเกี่ยวกับเรื่องความคลาดเคลื่อนของการสื่อสารกันได้อย่างชาญฉลาดมากๆ
........................โดยเนื้อหาแล้วนี่ก็คือหนังรักสามเส้าอีกเรื่องนึงครับ เล่นกันอยู่แค่ 3 - 4 คน เหตุการณ์เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นบนรถ แล้วตัวละครก็ผิดใจกัน งอนกัน รักกัน แต่ก็ยังคงไม่ค่อยจะเข้าใจกันอยู่ดี ด้วยความที่คนนึงไม่กล้าพูดชัดๆ อีกคนฟังไม่ชัด อีกคนมองไม่ชัด แล้วจะรู้เรื่องกันใหมล่ะเนี่ย ? อารมณ์แบบ Lost in Translation เกิดขึ้นได้จริงๆนะครับ แม้ว่าเราจะอยู่ในประเทศเดียวกัน คุยกับคนที่พูดภาษาเดียวกัน และไม่ได้มีปัญหาเรื่องการพูด การฟัง การมองเห็นด้วย แต่คนไทยในยุคสมัยนี้ ส่วนใหญ่เลยแหละครับ ที่กำลังเกิดปัญหา " บกพร่องด้านการสื่อสารแบบเฉียบพลัน " อาการนี้เป็นกันมากอย่างน่าตกใจ และเกรงจะเป็นกันถาวรซะด้วยสิครับ !! แล้วไม่ใช่เป็นแค่คนในเน็ทนะครับ ที่จะสื่อสารกันผิดพลาด แม้แต่คนเจอกันต่อหน้า คุยกันภาษาไทย แต่ยังสื่อสารกันไม่เข้าใจ คุยกันไปคนละทาง เมื่อต่างฝ่ายต่างมองว่า คุณเป็นอีกสี ?
........................น้องสุนทรีย์นางเอกของเรื่องคนที่หูตึง บอกกับส้มฉุน พระเอกว่า เวลาจะคุยอ่ะนะ มองหน้าตรงๆ ให้เขาอ่านปาก อ่านสีหน้าให้ชัดๆ จะได้ตีความหมายได้ชัดเจน อย่าได้หลบหน้าหลบตา ใส่แว่น หรือแอบกระซิบกระซาบ เพราะมันทำให้การตีความนั้นคลาดเคลื่อนได้ !! หนังรักเรื่องนี้ถ่ายทอดความวุ่นวาย และความซับซ้อนของความสัมพันธ์ชาย - หญิง ได้อย่างค่อนข้างลงตัวนะครับ ความรักมันเป็นอะไรที่ ถ้าไม่บอกตรงๆ ไม่บอกชัดๆ แล้วมันจะเข้าใจกันหรือเปล่าล่ะครับ ? อย่างคำโปรยหนังนั่นแหละ ฟังไม่ชัด มองไม่ชัด แล้วความรักน่ะ ... ชัดใหม๊ ? เพราะความที่มนุษย์เรานั้นพร้อมที่จะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด แล้วก็อยากให้มันเป็นอยู่แล้ว บางครั้งการ นั่งจ้องตากัน ดูสีหน้าแววตา ถ่ายทอดความรู้สึก พูดกันตรงไปตรงมา อาจจะเป็นวิธีสื่อสารระหว่างกันที่ดีที่สุด เหนือกว่าเทคโนโลยีที่เลิศล้ำหรือไฮเทคเป็นใหนๆ !! หรือคุณคิดว่าไม่จริง ??ป.ล.รู้จักผู้เขียนเพิ่มเติม เชิญที่เวปแพนด้า
www.pandagroup.pantown.com