Sanook.commenu

ค้นหา ตรวจหวย ข่าว อีเมล์ ดูทีวีออนไลน์ ฟังเพลงออนไลน์ คลาสสิฟายด์ ริงโทน เกมส์ ดูทั้งหมด »

หน้า: 1 2 3 4 5 6

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ทำไมบางบริษัทไม่รับเด็กราชภัฎเข้าทำงาน  (อ่าน 55100 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« ตอบ #135 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 11:21 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

สรุป สั้นๆว่า ต้องพิสูจน์ตัวเองให้สถาบันภายนอก ยอมรับในความรู้ความสามารถของนศ.ราชภัฎฯ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะบุคคลแต่ต้องเป็นนศ.ราชภัฎฯโดยรวมว่าไม่ด้อยไปกว่าสถาบันใดๆ โดยเริ่มที่รุ่นปัจจุบันนี้เลย (เพราะรุ่นก่อนหน้านั้นอาจสร้างความประทับใจในทางไม่ดีไว้มากจนยากที่จะรับเข้าทำงาน)

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
dear
เรทกระทู้
« ตอบ #136 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 11:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องนะครับ ให้ดูสายงานที่ท่านสมัครว่าตรงกับคุณสมบัติที่บริษัทระบุหรือเปล่า ส่วนใหญเมนหรือหลักสูตรของม.ราชภัฏจะเน้นไปทางเป็นครู อาจารย์หรือ หน่วยงานราชการเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากจะให้แนะนำว่าถ้าอยากให้ลูกหลานเรียนจบออกมาทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทอาาจะแนะแนวให้ไป ม.สายที่เขานิยมรับกันก็จะดีนะครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
เด็กราชภัฎ
เรทกระทู้
« ตอบ #137 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 11:23 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

อย่าไปสนใจเสียงเล่าอ้าง มันอยู่ที่ตัวเรามากกว่าที่จะแสดงให้คนอื่นรู้ว่ามันมีศักยภาพในการทำงานแค่ไหน พี่จบราชภัฎ แต่เด็กมหาลัยยังมาถามเรื่องวิชาการที่เราทำงานด้วยกันเลย มันอยู่ที่ตัวเราต้องหมั่นศึกษาเพิ่มเติม
บางที ที่ราชภัฎ อาจจะสอนหลักสูตรไม่แน่นเหมือนมหาลัยอื่นๆ แต่เราสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากที่อื่นได้ ตั้งใจเรียน และขวนขวายศึกษาเพิ่มเติม
เราก็จะอยู่ในสังคมได้

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
GGGGGGGGgg
เรทกระทู้
« ตอบ #138 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 11:33 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เราเองก็จบราชภัฎเหมือนกัน แต่ขอไม่เอ่ยชื่อละกัน ถามว่าตอนจบใหม่ๆ กลัวไหมที่จะไม่มีงานทำ ตอบได้เลยว่าไม่เคยกลัวเพียงแต่ว่าความรู้ความสามารถเราอาจจะไม่เทียบเท่าคนที่จบมหาลัยดังๆ ที่ติดอันดับ TOP 5 ซึ่งตอนจบใหม่ๆ เคยไปสมัครงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ เขาก็ให้กรอกใบสมัครนะ แต่ไม่ได้เรียกสอบวัดความรู้ (เพราะตอนที่เราจบเราไม่รู้ว่า SCB ไม่รับเด็กที่จบราชภัฎ แต่ปัจจุบันรับเข้าทำงานแล้ว BBL ก็รับแล้ว) แต่ที่ไม่รับเลยคือ SCG รับแต่เด็กจุฬาฯ เท่านั้นครับ ก็ไม่ต้องเสียใจเราไม่ไ้ด้ทำบริษัทใหญ่และดังระดับประเทศ นั่นไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลวในการทำงาน สู้ทำงานกับบริษัทที่เห็นความสำคัญของเรา และเห็นคุณค่าและความสามารถของเราดีกว่า เพื่อนเราบางคนยังเป็นเจ้าของกิจการร่ำรวยกว่าคนที่จบมหาลัยดีๆ ก็ยังมีเลย ดังนั้นไม่่ต้องคิดมากฝากถึงน้องๆ ที่เรียนราชภัฎทุกคนขอให้จงภูมิใจมหาลัยของตัวเอง มหาลัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามให้

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
452
เรทกระทู้
« ตอบ #139 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 12:12 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

พี่ก็จบราชภัฎเช่นกันค่ะ แต่พี่อยากให้กำลังใจน้อง ๆที่เรียนราชภัฎว่าอย่าไปคิดมากค่ะ เพราะว่าทุกวันนี้พี่ทำงานในตำแหน่งที่สูง เงินเดือนที่ได้รับก็สูงตามตำแหน่ง ไม่ใช่ว่าพี่อวดอ้างน่ะค่ะ แต่บริษัทที่รับพี่เข้าทำงานแต่ล่ะแห่งไม่เคยมองเรื่องสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ ตอนที่พี่ทำงานเป็นพนักงานเงินเดือนน้อย ๆ พี่ยังต้องสอนงานให้กับเพื่อนหรือพี่ที่จบจากสถาบันชื่อดังได้เลยค่ะ เพราะว่าทุกคนเข้ามาทำงานที่เดียวกันก็คือ พี่ คือน้องกันว่า ไม่ได้แบ่งแยกสถาบัน หรือว่ารวย จนค่ะ พี่ว่ามันขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละบริษัทมากกว่าค่ะ และ เมื่อมาทำงานในสถานการณ์จริง ๆขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าคุณสามารถแสดงศักยภาพการทำงานของคุณให้เค้ามองเห็นได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ ไม่เกี่ยวกับสถาบันค่ะ เพราะว่าบางครั้งทุกคนที่รับมาอาจจะไม่มีประสบการณ์ในเนื้องานนั้น ๆเหมือนกันค่ะ ยกเว้นว่าเราจะพยายามมากน้อยแค่ไหนค่ะ อย่าไปคิดมากน่ะค่ะน้อง ๆ q*061

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ฝ่ายบุคคล เด็กราชภัฏ
เรทกระทู้
« ตอบ #140 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 13:05 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เห็นด้วยกับความเห็นที่ ๓ ค่ะ
เราก็เคยเรียนราชภัฏแห่งนึงที่ได้ชื่อว่า เยี่ยมที่สุดในราชภัฏด้วยกัน ก่อนไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน เข้าใจดีเลยล่ะค่ะ ถึงความแตกต่างทางการวัดความรู้
เราจบ ม.๖ จาก รร.รัฐบาลชั้นนำ ด้วยเกรดไม่ถึง ๒.๐ มี ๐ ติดมาอีกหลายวิชา สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้
วันไปสอบราชภัฏ บอกได้เลยว่า เราไม่ได้อ่านหนังสือก่อนสอบเลย
เราอ่าน+ทำข้อสอบได้แค่ ๕๐% กามั่วอีก ๒๕% ทำไม่ทันอีก ๒๕% แต่เราก็สอบติดราชภัฏ ในขณะที่คนอื่นที่ทำข้อสอบเต็มที่ สอบไม่ได้

ถัดมาอีกปี เราก็ยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด และย้ายไปเรียนเอกชน เราตั้งใจอ่านหนังสือสอบเป็นอย่างดี แต่ที่นึง เราก็สอบไม่ติดเหมือนกัน ส่วนที่ที่สอบติด ก็ได้คณะที่เลือกไว้เป็นอันดับรอง เพราะคะแนนไม่ถึงในคณะที่ตั้งใจไว้
นี่แค่เรื่องการสอบเข้าเรียน ก็แสดงให้เห็นว่า ความเข้มข้นในการคัดเลือกผู้เข้าเรียนต่างกันแล้วล่ะค่ะ

และเคยฟังผู้ใหญ่ที่อยู่ในแวดวงการศึกษาคุยให้ฟังว่า ความรู้ความสามารถของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ละสถาบันที่จัดตั้งขึ้นมา ในยุคแรกกว่า ๕๐ ปีที่แล้ว จึงรองรับความสามารถที่ไม่เท่ากัน ของนักศึกษาให้เหมาะสม
ใครเก่งมาก ก็ได้เรียนมหาวิทยาลัยของรัฐ จบปริญญาตรี สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย

รองลงมา เรียนวิทยาลัยครู ได้วุฒิ ปกศ.สูง (ประกาศนียบัตรวิชาชีพครู) วิทยาลัยครูสมัยก่อน ไม่มี ป.ตรี นะคะ
ใครมีถนัดทางช่างฝีมือ แต่วิชาการไม่เก่ง ก็เรียน รร.เทคนิคต่างๆ ซึ่งกลายเปน ราชมงคลในปัจจุบัน
กลุ่มนี้สังกัด ก.ศึกษาธิการ

ทุกคนที่จบออกมา ก็มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมกับ ความสามารถที่ตัวเองมี หางานทำได้อย่างเหมาะสม

ตอนหลังการศึกษาไทย เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ ราชภัฎ ราชมงคล พยายามปรับหลักสูตร ให้กลายเป็น ป.ตรี เท่า มหาวิทยาลัย
ขอยกตัวขึ้นจาก วิทยาลัย เป็น มหาวิทยาลัย
แต่นักศึกษาก็ยังมีความสามารถเท่าเดิมเป็นส่วนใหญ่

ที่ทราบเพราะ ผู้ใหญ่บอกว่า พอเขาปรับนำหลักสูตร ป.ตรี ของมหาวิทยาลัยไปใช้ แต่นักศึกษาส่วนใหญ่เรียนไม่ได้ ขาดพื้นฐานที่ "แน่น" มาก่อน ก็มีปัญหาเกิดขึ้นตามมามากมาย ทั้งต้องดร๊อป สอบตก ฯลฯ
จนเขาต้องปรับหลักสูตรให้คล้ายคลึงมหาวิทยาลัยที่(เคย)สังกัดทบวง แต่ความเข้มข้นทางวิชาการต้องลดลง ไม่อย่างนั้นนักศึกษาของเขาจะเรียนไม่จบเลย

ผลก็เป็นอย่างที่เห็นค่ะ ได้ปริญญาตรีเหมือนกัน แต่ความรู้ความสามารถต่างกันค่ะ
ค่ะ ปริญญาตรี เหมือนกันแต่ความรู้ความสามารถต่างกันค่ะ
ขอยกตัวอย่างที่ทำงานฝ่ายบุคคลมาให้ได้ฟังกันนะค่ะ เคยต้องสัมภาษณ์เด็กที่จบมหาวิทยาลัยเอกชนที่เค้าว่ากันว่าหน่วยกิต แพง ๆ เป็นอันดับหนึ่ง แต่ภาษาไม่ได้เรื่องแค่ให้แนะนำตัวเองยังฟังไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ว่ากันค่ะ อาจเป็นเพราะน้องเค้ายังไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่ก็บางครั้งได้สัมภาษณ์เด็กราชภัฏ แต่เค้าสามารถทำได้ดี ถามไปถามมาก็ได้ความว่า ตัวน้องเค้านั้นมีเพื่อนเป็นต่างชาติเยอะ เลยได้ฝึกฝนภาษาพูด ผลปรากฏว่า ผลการสัมภาษณ์ ครั้งนั้นได้เด็กราชภัฏมาทำงาน
อยากจะบอกว่า หากคุณรู้จักฝึกฝน ปรับปรุง เตรียมพร้อม ตัวคุณเอง ให้พร้อมที่จะเริ่มเป็นคนทำงาน ไม่ใช่คิดแต่จะดูถูกตัวเราเอง หรือคอยดูถูกคนอื่นว่าเค้าต่ำกว่า อย่าไปคิดว่าความสามารถเราจะต่างจากใคร อย่างไรซะ เราก็เป็นคนเหมือนกับที่คนอื่นเค้าเป็นกัน
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
aaaa
เรทกระทู้
« ตอบ #141 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 13:30 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

จบที่ไหนก็เหมือนกัน เมื่อคุณเริ่มมาทำงานคุณก็ต้องเริ่มเรียนรู้งานใหม่เหมือนกันทุกคน และที่ว่าสถาบันไหนดีกว่าเรียนรู้เร็วกว่านั้นมันอยู่ที่คนประเมินหากมาจากสถาบันเดียวกันมันก็จะเชียร์กัน มันป็นเรื่องพวกใครพวกมันซะมากกว่า

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
MyM
เรทกระทู้
« ตอบ #142 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 13:37 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ในบริษัทใหญ่ๆเด็กราชภัฎเยอะมากคับ แทบจะเดินชนกันเลยหละ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #143 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 13:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

พูดกันตรงๆ จากอดีตอัตราจ้างที่สอนในราชภัฏแห่งหนึ่ง ตามทีี่เห็นมาก็

1. คนส่วนหนึ่งมาเรียนที่ราชภัฏเพราะต้องการแค่ปริญญา มาเรียนที่นี่ไม่มีคำว่าไม่จบ ซึ่งก็ไม่เถียง เพราะอาจารย์มีใจจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ ได้จบไปมีงานทำ ไปเลี้ยงตัวเอง และพ่อแม่ได้ตามที่พ่อแม่แต่ละคนคาดหวัง แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ๆจะให้ผ่านเฉยๆ คุณต้องแก้งาน ทำงานเพิ่ม สรุปง่ายๆคืออาจารย์คิดดี ครอบครัวคิดดี แต่ตัวคนเรียนไม่มีใจมุ่งการศึกษา เรียนไปตามมีตามเกิด ไปรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หางานทำไม่ได้นั่นแหล่ะ

2. นิสิตดี อาจารย์ห่วย อาจารย์ราชภัฏส่วนหนึ่งทำตัวเหมือนอาจารย์ในโรงเรียนรัฐบาลที่ไม่เข้าสอน เข้าสอนช้า เข้ามาก็สั่งแต่งาน มัวเอาเวลาไปทำผศ. ทำผลงาน แล้วโยนๆงานให้อัตราแจ้งไปทำแทน ชั่วโมงสอนตามปกติไม่ว่างมาก็ให้อัตราจ้างเข้าแทน แต่ถ้าเป็นสอนภาคพิเศษที่ได้เงินพิเศษเพิ่ม ชั่วโมงสอนไม่มีกระเด็นมาให้อัตราจ้าง อาจารย์อัตราจ้างเข้างานก่อนเวลา เลิกงานตรงเวลาหรือเลยเวลา อาจารย์ประจำเข้างานสาย เลิกงานก่อน บางทีแค่มาเซ็นชื่อก็ไม่เห็นหน้าเห็นตาอีกเลย

3. หลักสูตรและหนังสือที่ใช้สอนนั้นสับสน งงงวย เพราะทำกันเองด้วยความไม่ชำนาญของผู้ที่ประสบการณ์ด้านการศึกษาน้อย พูดง่ายๆ วิชาเดียวกัน แต่อาจารย์ผู้สอนใช้หนังสือกันคนละเล่ม สอนกันคนละอย่าง บางคนใช้วิธีสอบเก็บคะแนน บางคนทำงานเก็บคะแนน มาตรฐานอยู่ตรงไหน!!!
แต่ที่เห็นแล้วรับไปม่ได้เลยคือการให้นิสิตใช้หนังสือที่ถ่ายเอกสารมาจากหนังสือเล่มหนึ่งที่อาจารย์ตัดสินใจว่าจะใช้สอน การเลือกใช้ผลงานคนอื่นมันคงไม่แปลกหากผู้ใช้จะเครดิตเจ้าของผลงาน อย่างกรณีที่ใช้หนังสือที่เขาทำออกมาขาย อาจารย์ก็ควรที่จะสั่งหนังสือเล่มนั้นมาแล้วให้นิสิตได้ซื้อมาประกอบการเรียน ไม่ใช่เอาไปจ้างร้านถ่ายเอกสารถ่ายออกมาแล้วเก็บเงินเก็งกำไรนิดๆหน่อยๆ เข้ากระเป๋าตัวเอง

4. ผู้บริหารที่มุ่งเน้นกับการหากำไรโดยลืมไปแล้วว่า การศึกษาเป็นธุรกิจที่ไม่มุ่งเน้นผลกำไร แต่มันคงใช้ไม่ได้กับโลกเราในปัจจุบัน
ด้วยข้ออ้างที่ว่าต้องหาเงินเพิ่มเพื่อจะได้พัฒนาสถาบัน ผู้บริหารจึงมั่งเน้นกับการปรับภูมิทัศน์ การปรังปรุงหอประชุม เพื่อให้บุคคลภายนอกมาเช่าสถานที่แล้วเก็บเงินเข้ามา แล้วเอาเงินที่ได้ไปปรับปรุงส่วนอื่นๆ แล้วเปิดให้เช่ากันต่อไป แต่ไม่เคยเอาเวลาไปมุ่งเน้นปรุบปรุงหลักสูตรและสื่อ อุปกรณ์การศึกษา ใช้เงินไม่ถูกต้อง ไม่คุ้มค่า

5. ข้อนี้คิดว่าสำคัญที่สุด จิตวิญญาณของความเป็นครู เป็นอาจารย์มันหายไป สิ่งนี้คือความจริง หลายๆคนลืมสัตยาบรรณ จรรยาบรรณของความเป็นครู และหลายๆคนไม่ได้ลืมแต่ตั้งใจจะละทิ้งมันไป นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำไม่พ่อแม่ที่มีเงินมากพอเลือกจะส่งลูกเข้าเรียนโรงดรียนเอกชน ครูโรงเรียนเอกชนไม่ได้หมายความว่าจะมีจรรยาบรรณมากกว่าข้าราชการครู แต่เพราะกฏระเบียบที่เข้มงวด การบริหารที่มุ่งเน้นด้านวิชาการ (เพราะเป็จุดขายของโรงเรียนเอกชน) ครูจึงต้องสอน ต้องสอนให้ดี เพราะจะมีคนคอยตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เพราะเราเป็นมาหมดแล้วทั้งอาจารย์อัตราจ้าง ครูที่สถาบันสอนภาษา ครูโรงเรียนเอกชน แต่ตอนนี้เลิกเป็นครู (เลิกเป็นครู ไม่ได้หมายว่าว่าเราละทิ้งความเป็นครู) ไม่ได้สอนคนอื่น หันมาสอนลูกตัวเองแทน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
123
เรทกระทู้
« ตอบ #144 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 13:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ไม่ต้องท้อใจนะ เราก็จบราชภัฏ ตอนนี้งานที่ทำก็ดีมาก มีโอกาสดีกว่าคนที่จบมหาลัยดังๆตั้งเยอะ ถ้าเราขวนขวาย เราพยายาม และรอโอกาส เดี๋ยวงานดีๆก็มาเอง บางที่ที่เราไปเจอมา เขาก็ไม่รับมหาลัยดังๆเหมือนกัน เพราะบางคนก็รักสบาย เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เรียนเก่ง แต่อยู่ในสังคมไม่ได้ เขาก็มีข้อเสียเหมือนกัน สู้ๆต่อไป

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ช่างคิด
เรทกระทู้
« ตอบ #145 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 14:44 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ราชภัฏ คือ คนของพระราชา
เกียรติยศศักดิ์ศรีมีมากล้นที่เราได้เป็นคนของพระราชา
ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากรัชทายาทผู้ทรงเป็นผู้แทนพระองค์
ผมถือว่าบริษัทเหล่านั้นดูถูกสถาบันที่ให้การอบรมสั่งสอนคนของพระราชา

ผม ไม่ด้ดูถูกราชภัฏ แต่ถ้าคุณจบมาจากราชภัฏแล้วพูดแบบนี้ คนอื่นยิ่งมองว่า เออมันคิดได้แค่นี้ ประชานทุกคน เป็นคนของแผ่นดิน และพระราชา ท่านก็รักทุกคน การไม่รับเด็กราชภัฏเข้าทำงานไม่ใช่การดูถูกท่านคับ แยกให้ออก ให้ สมองทีมีรอยหยักคิดหน่อยคับ อย่าเอาสมอง ส่วน สันดานดิบมาคิด
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
คนที่จบแล้วจ้า.
เรทกระทู้
« ตอบ #146 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 14:45 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เขาเรียกว่า เลือกปฏิบัติ ก็เท่านั้น...เรามั่นใจซะอย่าง อย่าได้แคร์... q*073

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
My life for freedom
เรทกระทู้
« ตอบ #147 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 14:54 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผมจบวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 8 เกียร์เก่า (วงการวิศวะน่าจะรู้ดี) ได้เข้าทำงานบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งเงินเดือนไม่กี่พัน( ดอลล่า US นะ) แรกๆโหมงานน่าดูปั่น OT ทุกวันไม่มีวันหยุดไฟแรงจัดหัวรุนแรงวิชาการมาอันดับ 1 เปิดตำราเถียงกันในห้องประชุม เครียดมาก ทำไปได้สักพัก เริ่มรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไปหลายๆอย่าง เริ่มหางานอดิเรกทำจับนู่นจับนี่ไปเรื่อย รับของมาขายบ้าง ลงทุนทำร้านอาหารบ้าง เริ่มทำ OT น้อยลง เหนื่อยน้อยลง รายได้เพิ่มขึ้น รู้จักคนเพิ่มขึ้น และในที่สุดก็ค้นพบตัวเองและลาออกจากงาน ตอนนี้มีสวนยางอยู่หลายไร่พอสมควร มีรีสอร์ทเล็กๆ ริมทะเล หาเงินได้มากกว่าตอนเป็นพนักงาน แต่ใช้เงินน้อยกว่าตอนเป็นพนักงาน ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับการทำสวนทำไร่ ดูแลรีสอร์ทและนั่งตกปลาริมทะเล และใช้เงินวันละไม่ถึง 200 บาท เห็นหลายๆคนเถียงกันในกระทู้ดิ้นรนกันเป็นลูกจ้าง หากคุณคิดนอกกรอบคุณจะรู้ว่าทำงานลูกจ้างอย่างเดียวน่ะมันไม่รวยหรอก ลองหาอย่างอื่นทำไปด้วย จบจากที่ไหนก็ทำงานอดิเรกได้ บางทีอาจได้เยอะกว่าเงินเดือนอีกนะ คุณเคยถามคนขายเสื้อผ้าหรือขายอาหารบ้างเปล่าว่าเขาจบจากไหน.......เปล่าเลย......คุณเคยแบ่งแยกไหมว่าคนที่จะทำข้าวแกงอร่อยต้องจบจุฬา.......ก็เปล่าอีก.....ผมกำลังจะบอกพวกคุณว่าถ้าไม่อยากถูกแบ่งชนชั้นด้วยสถาบันการศึกษาก็ไปหาอะไรทำที่ไม่ต้องใช้วุฒิซะสิ...บางคนคงจะนึกว่า แล้วตรูจะเรียนมาทำส้น Foot อะไรฟะ.....ผมก็ไม่ได้บอกคุณให้คุณเลิกทำงานตามสายงานนี่......แค่บอกว่าให้หาอย่างอื่นทำบ้าง เป็นลูกจ้างอย่างเดียวมันไม่รวยหรอก และการทำงานอดิเรกมันไม่ต้องยึดติดกับสถาบันด้วย q*073q*073q*073

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ณภัสร์
เรทกระทู้
« ตอบ #148 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 14:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เรามีเพื่อนเรียนราชภัฎ ตอนฝึกงานที่โรงแรม5ดาวที่กทม.เขาให้เขียนรายงานเป็นภาษาอังกฤษ มีเพื่อเราทำได้คนเดียว คนอื่นที่มาจากม.ดังๆไม่เห็นทำได้สักคน เขายังชมเลย มันอยู่ที่ความตั้งใจคะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
bbbb
เรทกระทู้
« ตอบ #149 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 15:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*035เดินกันให้ควัก ร้านเหล้านั่งกันตรึม แถวราชภัช บ้านสมเด้จอะกลางวันนั่งกินเบียกินเหล้าใครจะไปรับมัน q*073

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
*****
เรทกระทู้
« ตอบ #150 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 15:12 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ตอนอยู่ที่ทำงานเก่ามีเพื่อนจบราชภัฎ 2 คนก็เก่งทั้งคู่ เก่งๆไม่เก่งอยู่ที่ตัวบุคคลครับ

จขกท.ครับ
ไม่เฉพาะราชภัฎหรอก บางที่ก็รับเฉพาะจากที่จบมาสถาบันเดียวกับตัวเอง ที่อื่นดังๆแต่ไม่ใช่พวกตัวเอง ไม่รับก็มี

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
แชร์
เรทกระทู้
« ตอบ #151 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 15:24 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

อันนี้เรื่องจริงค่ะ เพราะเคยได้ยินพวกต่างชาติว่า เป็นเด็กขี้เกียจ แต่จริงๆ ไม่หรอก แต่เผอิญสถาบันนี้มันมีเยอะมากๆๆ เกิน เกือบทุกจังหวัด

แต่คนเก่งก็มีเยอะ เค้าไม่รับก็ไปที่อื่นยังมีอีกมากมายที่สนใจ

บริษัทฯ chevron offshore oil&gas ไม่รับราชภัฏ แน่นอนค่ะ มีเพื่อนทำงานที่นั่น

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
*****
เรทกระทู้
« ตอบ #152 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 15:46 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
q*030 อันนี้ยอมรับเลยครับว่าเด็กส่วนใหญ่จากราชภัฏ พื้นฐานวิชาต่าง ๆ ไม่ค่อยแน่น เรื่องทฤษฎีนี่สู้เด็กจากพวกราชมงคล,เด็กพระจอมฯ ไม่ได้

แต่เรื่องปฏิบัตินี่ยอมรับเลยมันอึดจริง ๆ ให้งานอะไรทำมันก็ทำไม่ค่อยเลือก กลับบ้านดึกดื่น เข้าโอ เข้ากะ เสาร์-อาทิตย์ มันมาทำหมด ไม่ค่อยเหมือนพวกคุณหนู คุณชายทั้งหลาย เข้า 8 ออก 5 เป๊ะ ๆ ทุกวัน ไม่ขาด ไม่เกิน เสมอต้นเสมอปลายดี

คุณภาพงานยอมรับครับว่าพวกเด็กราชภัฏนี่ สู้พวกคุณหนู คุณชายทั้งหลายไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าถึงกับแย่นัก (ถ้าให้เป็นเกรดก็คง C ถึง B-อ่ะนะ)

แต่ปริมาณงานที่ได้นี่ต่างกันค่อนข้างมาก เด็กราชภัฎนี่ไม่เน้นทฤษฎี คิดนิดหน่อยพอรู้เรื่อง แล้วก็ทำ ทำออกมาดีบ้าง เสียบ้าง (ในเกณฑ์ยอมรับได้) ก็ยังดี ยังมีผลออกมา ต่างจากคุณหนู คุณชายทั้งหลาย เจ้าทฤษฎีร้อยแปดโปรเจ็ค แต่งานไม่มีออกมาสักชิ้น เพราะมัวแต่คิด คิด คิด แต่ไม่ค่อยทำ

ไม่รู้นะแล้วแต่คนชอบ แต่บริษัทผม "นักคิดเยอะแล้ว ขาดแต่นักปฏิบัติ" "เก่งไม่กลัว แต่กลัวช้า" หน่ะครับ

ไม่ได้ว่าใครนะครับ พูดจากประสบการณ์ที่เจอมาครับ ^ ^




เข้างาน-เลิกงานตรงเวลาก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ สำคัญที่คุณภาพงานมากกว่า
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
เจ้าบ้อม
เรทกระทู้
« ตอบ #153 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 16:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ขนาดจบป.ตรีจากราชภัฏยังไม่รับเข้าทำงาน ถ้าBill Gate กับ Steve Jobsมา
สมัครงานเมืองไทยมีหวังตกงานแน่ๆเพราะไม่จบป.ตรีทั้งคู่ ไปทำมาหากินในอเมริกาน่ะดีแล้วเชอะ!ประเทศกำลังพัฒนาไม่ต้อนรับ หรือถ้ากล้ามาจะให้เด็กที่จบจากTop5ของไทยจัดการเสียเลย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
คนจบน้อย
เรทกระทู้
« ตอบ #154 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 16:19 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เห็นด้วยครับเด็กจบจุฬาฯ/ธรรมศาสตร์/ลาดกระบังยังมาถามเรื่องงานคนจบม.3 อย่างผมเลยประสบการณ์ต่างหากที่ได้ใช้งาน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ดากานดา
เรทกระทู้
« ตอบ #155 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 16:27 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

มออะไรไม่รู้อ่ะ เราก็จบจุฬา แต่เด็กจุฬาตึ้มๆก็มี แต่ที่แน่ๆที่เราไม่เอาคือมหาลัยเกริก กับ ธุรกิจบัณฑิต ***ให้เด็กจบมาได้ไงอ่ะ ทึ่มสุด

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
เด็กเก่าราชภัฏ
เรทกระทู้
« ตอบ #156 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 16:49 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

จริงค่ะที่บริษัทใหญ่ๆมีชื่อเสียงเค้าจะไม่พิจารณาเด็กราชภัฏ ต้องเข้าใจค่ะว่า ตัวเลือกเค้าเยอะมาก เค้าเลยตัดพวกเราออกก่อนที่จะอ่านใบสมัครซะด้วยซ้ำ มันคือการลดขั้นตอนการทำงานอย่างหนึ่งค่ะ แต่ก้อมีบริษัทเล็กๆที่ดีๆอีกมากมายที่พร้อมจะอ้าแขนรับเรานะคะ อย่าท้อค่ะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
cc
เรทกระทู้
« ตอบ #157 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 17:01 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

จบจากสถาบันราชภัฏเหมือนกันค่ะ ทำงานมาร่วม 6 ปีแล้ว
ก็ยังทำงานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร นายจ้างก็ไม่ได้รับคนอื่นที่จบจากสถาบันอื่น ๆมาทำแทน อยู่ที่ตัวเรามากกว่าค่ะว่าจะรับผิดชอบงานได้ดีแค่ไหนให้นายจ้างไว้ใจได้เพียงใด หรือนายจ้างเปิดใจให้กว้างรับคนทั่ว ๆ ไปโดยให้โอกาสทุก ๆ คนที่มาสมัครถ้าเหมาะสมกับตำแหน่งงานก็ให้ทดลองงานก่อนดีกว่าค่ะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
เดกเรียนน้อย
เรทกระทู้
« ตอบ #158 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 17:14 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ดิฉันเปงคนได้เรียนมาน้อย แต่ความสามารถ ดิฉันรับรองไม่แพ้ปริญญาตรี งานรัฐบาลหรือเอกชน ได้หมด ทุกคนอยู่ที่โอกาสและการเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อปรับปรุงใช้ในชีวิต ฉะนั้นไม่ว่าคุณเรียนที่ไหน แค่เพียงมี "สมอง" พร้อมรับทุกสิ่งมาปรับปรุง คุณทำได้ค่ะ ในสังคมมีทั้งคนรู้และคนไม่รู้ สังคมไม่ได้มีแค่คนฉลากและคนโง่ ค่ะ สิ่งที่คนโง่รู้ คนฉลาดอาจไม่เคยรู้เลยก็ได้

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
สู้ๆๆค่ะ
เรทกระทู้
« ตอบ #159 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 17:34 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ขอค้านคะ่ บริษัทที่ฉันทำงานอยู่เขาไม่เลือกนะค่ะว่าคุณจะจบจากสถาบันไหนมา แต่เขาเลือกที่คุณทำงานได้หรือไม่ได้ต่างหาก มีความรับผิดชอบแค่ไหนอย่าท้อค่ะตั้งใจทำในสิ่งที่ทำให้ดีที่สุดพอค่ะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
เด๊กราชภัฏ
เรทกระทู้
« ตอบ #160 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 17:44 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เค้าทามกัลขนาดเนี้ยเลยหรอ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
สุ
เรทกระทู้
« ตอบ #161 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 18:44 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าราชภัฏเป็นอย่างที่เค้าว่าหรือเปล่า
มันคงต้องให้น้องๆราชภัฏและอาจารย์ช่วยกันพัฒนากันมากๆอย่าให้เขาว่า
แต่แถวๆบ้านพี่ราชภัฏมันก็ห่วยอย่างเค้าว่าแหละ (ส่วนใหญ๋ ) ส่วนน้อยอาจมีเก่งจริงแต่มันน้อยมากจ้ะ ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าน้องเก่งจริงเวลาจะพิสูจน์จ้า เอาใจช่วยทุกคนนะคะ สู้ๆๆแล้วกัน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
สู้ๆ
เรทกระทู้
« ตอบ #162 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 19:06 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

มันจะยากแค่จบมาใหม่ๆสมัครงานครั้งแรกเท่านั้นแหละ พอมีประสบการณ์ เคยผ่านงานมาแล้ว ก็ไม่ยากแล้วหละ เราผ่านมาแล้ว จบใหม่ต้องทำใจนิดนึง เราเคยเจอโดนแบบ จขกท.เหมือนกัน เห็นเป็นราชภัฏ ให้กลับทันที แต่งานแรกที่เราได้เพราะ เขาให้ทำรายงานส่ง ให้คิดสูตรผลิตภัณฑ์ ให้เวลา1สัปดาห์ เราทำรายงานได้ดีที่สุด เลยได้งานนี้ พอได้เข้าไปทำงานแล้วก็เลยถามเขาว่าทำไมเลือกเรา เขาบอกว่าเราตอบคำสัมพาษณ์ ได้แค่7เต็ม10 แต่ตอนนั้นมีคนอื่นได้10เต็มจบมหาลัยเกรดดีกว่า แต่เพราะรายงานที่เขาสั่งให้คิดสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำได้ดีกว่าทุกคนเขาเลยเลือกเรา มันจะยากแค่หางานครั้งแรกเท่านั้นอะนะ สู้ๆ น้องๆ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
หนิง
เรทกระทู้
« ตอบ #163 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 19:24 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ไม่จริงค่ะ ไม่ว่าจะจบสถาบันไหนก้อเหมือนกัน
อยู่ที่เราว่าจะทำได้ดี
แค่ไหน ขอให้สู้ๆๆนะ
เราเองก้อจบราชภัฏมาเหมือนมีงานทำดีด้วย q*073

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ไม่บอก
เรทกระทู้
« ตอบ #164 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 20:14 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน เรียนจบแล้วก็ต้องรีบไปเป็นขี้ข้าเขา เราก็จบราชภัฏไปสมัครงานต้องรอแถวสองทุกที ไม่ต้องไปเสียใจหรอกคนจบราชภัฏฟังทางนี้รีบหาทาง หาทุนทำธุรกิจของตัวเองทำเล็กๆก่อน ปล่อยให้พวก ม.ดังๆเขาไปเป็นคนงานเถอะ อย่าไปเสียใจ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
นดะนด
เรทกระทู้
« ตอบ #165 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 20:16 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ในฐานะที่เป็นคนอยู่ในหน่วยงานที่รับฝึกงานหลายสถาบัน เห็นด้วยกับเหตุผลที่ว่าเพราะ นศ.มรภ.ที่รับมา ส่วนใหญ่ศักยภาพไม่เพียงพอถึงแม้จะแค่ฝึกงาน แต่เขามีความอดทนที่จะเรียนรู้งาน มารยาทบาง มรภ.ก็ไม่ดีไม่มีสัมมาคารวะ แต่บางคนก็ดีนะคะดีกว่าสถาบันรัฐดีๆ แต่เมื่อเทียบกับสถาบันอื่นโดยรวมไม่ผ่านคะ พอเจออย่างนี้บ่อยเข้าหน่วยงานเราก็ต้องพิจารณา ไม่ใช่ไม่อยากให้โอกาส แต่เราต้องการคนที่แสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่สมกับที่เรียนมาหลายปี เราเต็มใจสอนงานให้ได้เรียนรู้แต่เรื่องพื้นฐานควรได้มาจากเขาเองบ้าง จะให้เยียวยานับหนึ่งคงไม่ใช่คะ บางหน่วยงานเกี่ยวกับการสอน แต่ยังเขียนแผนการสอนไม่เป็นทั้งที่ครูเรียน5ปี น่าจะแน่นกว่าครูเรียน4ปี สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่เราพิจารณาในการรับเข้าทำงาน เพราะนั่นคือคุณภาพที่หน่วยงานของเรามองเป็นอันดับแรก เป็นเพียงความเห็นหนึ่งที่เสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพียงสถาบันนี้เท่านั้น แต่ฝากถึงทุกสถาบันนะคะ รักเกียรติของสถาบัน ก็ต้องพัฒนาตัวเองให้เต็มที่ อย่าให้ใครดูถูกได้

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
bae-rid
เรทกระทู้
« ตอบ #166 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 20:25 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ก็เพราะว่าราชภัฏออกแต่หลักสูตรที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันหวังแต่เงินเรียนไป วุฒิการศึกษาบางสาขาวิชาก็นำไปสมัครงานไม่ได้ อย่างเราจบศิลปศาสตร์ การบัญชี ยังต้องไปเรียนต่อวุฒิไม่จบไม่สิ้นทุเรศจริงๆ q*077

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
rainbow111
เรทกระทู้
« ตอบ #167 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 21:34 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

จากที่เจอมา ความแตกต่างอยู่ที่ระบบการคิด ราชภัฏจะคิดแบบงงๆ ไม่ค่อยตามหลักการหรือขั้นตอน และนิสัยง้องแง้ง ตอนนี้เจอนศ.ฝึกสอนจากราชภัฏ สอนเด็ก I am from is...........school. งงมากเลยค่ะ ต้องมาตามแก้ทุกชั่วโมง แล้วเด็กที่รับความรู้ จะงง แค่ไหนคะชั่วโมงแรกครูฝึกสอนสอนแบบนั้น อีกชั่วโมงครูพี่เลี้ยงมาตามแก้ให้ เด็กอาจสับสนว่าจะเชื่อใครดี คุยกะอาจารย์เค้าบอกว่าทำไงได้ รับเด็กทุกคนไม่ได้เลือก พยายามเข็นสุดชีวิตแล้ว

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
HR คนนึง
เรทกระทู้
« ตอบ #168 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 21:51 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ในฐานะของคนที่ทำงานด้าน Recruitment & Selection ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งขอบอกว่า ส่วนหนึ่งผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ คห. ที่ 3 คนจบปริญญาตรีเหมือนกันแต่ศักยภาพต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน

จากประสบการณ์ของผม เด็กที่จบจาก ม.ปิด ถ้าเทียบกับเด็กที่จบจาก ม.อื่นๆ พบว่า คะแนนสอบทางด้านตรรกะนั้นแตกต่างกันพอสมควร สรุปคือ เด็กที่จบจาก ม.ปิดนั้นมีวิธีคิดที่ซับซ้อนกว่า ละเอียดกว่า เป็นระบบแบบแผนมากกว่า รวมถึงบุคลิกหลายอย่างก็แตกต่างกัน เช่น กล้าแสดงออกมากกว่า เป็นตัวของตัวเอง แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่จบจาก ม.ปิดจะทำงานได้ดีกว่าเด็กที่จบจาก ม.อื่น

สำหรับบ.ใหญ่ๆ แล้วในแต่ละวันมีใบสมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก เวลาจะรับคนก็ต้องเลือกคนที่ (คิดว่า) ดีที่สุดมาเป็นพนักงาน และสถาบันการศึกษาถือว่าเป็นปัจจัยแรกๆ ที่มอง เพราะหลายบ.มีสมมติฐานว่า "เด็กที่เรียนในมหาวิทยาดีๆ ก็น่าจะฉลาดกว่าเด็กที่จบจากมหาลัยอื่น" (ขอย้ำกว่าวัดแค่เฉพาะเรื่องระดับสติปัญญานะคับ) ส่วนฝีมือจะดีหรือไม่นั้นค่อยวัดกันตอนสัมภาษณ์ และทดลองงาน หรือหลายครั้งก็เป็นเรื่องของ "สถาบันนิยม" รุ่นพี่จบจากที่ไหนเยอะก็จะดึงน้องๆ ร่วมสถาบันเข้าไปทำงานด้วย หรือไม่ก็เป็นที่ความนิยมชมชอบส่วนตัวของผุ้บริหาร (ก็เขามีเงินจ้าง เขาก็อยากจ้างสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา)

บ.ผมคู่แข่งเยอะมาก ทั้งบ.ภายในประเทศด้วยกันเอง และบ.ช้ามชาติ วันนึงผมจะหาคนๆ นึงที่มีความสามารถมากพอที่จะไปต่อกรกับปริญญาโท Top 10 America และ UK ได้ยังไง ผมจะรับนักศึกษาปริญญาตรีจาก ม.ธรรมดาๆ ไปสุ้กับเขาหรือ? (เวลาคุยงานกันแต่ละทีรับรองครับไม่มีภาษาไทยแม้แต่แอะเดียว แถมยัง Aggressive แบบสุดฤทธิ์สุดเดช) ดังนั้นจะบอกว่า บ.ใหญ่ๆ นั้นกีดกันเด็กที่จบจาก ม.อื่นที่ไม่ใช่ ม.ปิดนั้นก็คงจะไม่ใช่ประเด็นนี้ซะทีเดียว แต่หลายครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

สำหรับตำแหน่งที่เป็น Key Function ขององค์กรผมยอมรับคับว่า "ไม่เคยรับเด็กที่จบจาก ม.อื่นๆ ที่ไม่ใช่ม.ปิดเลย และ 80% ก็รับจบนอกแทบทั้งนั้น" เพราะทราบดีคับว่า ถ้าหากเราส่งน้องที่จบจาก ม.อื่น ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับองค์กร และตัวน้องเอง (อันนี้เคยมีประสบการณ์มาก่อนคับ เลยกล้าพูด) แต่สำหรับตำแหน่งที่ไม่ได้เป็น Key Function ผมก็ลด Spec ลงมา ผมก็ไม่ได้บอกว่า "เด็กที่จบจาก ม.อื่นๆ จะทำงานไม่ได้เลย" หรือ "ไม่ได้อยู่ในสายตาขององค์กรใหญ่" เพียงแต่เราต้องจัดคนให้ถูกกับงานเท่านั้นเอง เพราะสุดท้ายแล้ว องค์กรก็ต้องมีคนหลายแบบ หลายประเภท องค์กรถึงจะอยู่ได้ ถ้าหากองค์กรมีแต่คนเก่งๆ คนก็จะเหนื่อย แต่ถ้าองค์กรมีแต่คนดีๆ แต่ไม่ค่อยเก่งองค์กรก็ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้

ถึงแม้ว่าน้องหลายๆ คนไม่ได้จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่เราก็มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานได้ และหลายคนก็สามารถทำได้ดีกว่าคนที่จบจากมหาวิทยาลัยปิดด้วยซ้ำไป น้องต้องรู้จักสร้าง Value ให้กับตัวเอง และทำ Resume ให้เป็น ถ้าเราเรียนไม่ดี กิจกรมมก็ควรจะเด่น เสริมสร้างทักษะให้กับตัวเองมาก เช่น ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ ภาษาที่ 3 หรือคอมพิวเตอร์ เลือกทำงานในองค์กรที่สามารถให้ประสบการณ์การทำงานที่ดีกับตัวเราได้ ไม่ใช่เลือกงานที่เงินดีอย่างเดียว ต้องฝึกความอดทนต่อปัญหาในการทำงาน ไม่ใช่ทำงานเจอปัญหานิดหน่อยก็ลาออก อยู่ที่ๆ นึงไม่เกิน 1 ปีแล้วเปลี่ยนตลอดเพื่ออัพเงินเดือนหรือหนีปัญหา (องค์กรเค้าไม่อยากได้คนที่มาอยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็ออกไปหรอกคับ) พยายามอย่าข้ามสายงานมากจนเกินไป เพราะองค์กรก็จะไม่มีความมั่นใจในตัวน้องว่าสรุปแล้วน้องอยากทำงานอะไร

ถ้าอยากจะเรียนปริญญาโทก็พยายามเลือกเรียนในสาขาที่สามารถต่อยอดกับงานหรืออนาคตของเราได้ (ไม่ใช่ว่าเรียนตรีอย่างนึง เรียนโทอย่างนึง ทำงานก็อีกอย่างนึง แล้ว HR จะคิดยังไงละคับ) ถ้าเป็นไปได้เรียน ม.ปิดได้ก็จะดี เพราะผมก็ยังเชื่อว่าความเข้มข้นของการเรียนการสอนนั้นต่างกันส่งผลให้คุณภาพของบัณฑิตนั้นต่างกัน อีกทั้งสังคมบ้านเราก็ยังคงให้ความสำคัญกับ "สถาบัน" อยู่ ผมก็ต้องบอกว่า การที่เราสามารถได้เรียนในม.ดังๆ นั้นทำให้เรามีชัยไปกว่าครึ่ง (ถึงแม้ว่าเราจะทำงานไม่เก่งก็ตาม) พยายามทำ Resume ให้น่าสนใจ ใครเห็นก็อยากให้มาสัมภาษณ์งานด้วย เพียงเท่านี้น้องก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จแล้วคับ ^^

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
นามแฝง
เรทกระทู้
« ตอบ #169 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 22:27 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

จะเรียนที่ไหนๆ ก็เหมือนๆกัน อยู่ที่ว่าคนที่เรียนมีความรู้ความสามารถมากน้อยเพียงใด ราชภัฏ คำนี้ แปลว่า คนของพระราชาที่พระบาทสมเด็จทรงจัดตั้งขึ้น ดังนั้น สถาบันราชภัฏก็มีศักยภาพเทียบกับมหาลัยอื่นได้เหมือนกัน จะเห็นได้ว่าคนที่จบจากราชภัฏก็จะเป็นครูส่วนมาก แล้วที่เป็นครูอยู่ทุกๆวันก็สอนตามโรงเรียนทั่วไปแหละค่ะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #170 เมื่อ: 24 มิ.ย. 11, 23:42 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*029
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าจบอะไรมา ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณทำอะไรเป็นบ้าง ถ้าเข้ามาแล้วสร้างประโยชน์ ทำผลงานให้บริษัท ทำให้บริษัทมีผลกำไร ไม่ว่าคุณจะจบที่ไหนมาเขาก็รับทั้งนั้นเหละ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
คนค้นตน
เรทกระทู้
« ตอบ #171 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 00:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สวัสดีครับ
อย่าไปใสใจกับเรื่องไรสาระเลย มีหน้าที่เรียนก้อเรียนไป มีหน้าที่ทำงานก้อทำงานไป ถึงเวลาชีวิตมันก้อพาเราไปเอง ทุกคนมีโอกาสไม่เท่ากัน ถ้ามหาลัยรัฐ แน่จริง ก้อยกเลิกระบบ สอบสิครับ แล้วรับคนแบบ มหาลัยเปิด ทำให้ทุกคนมีโอกาศได้เรียนเท่ากันแล้ววัดกันที่ความสามารถและความตั้งใจ ไม่ใช้ คัดแต่เด็กที่เรียนเก่งๆๆ เข้าไป เมื่อคุณได้แต่คนเก่งๆๆ โอกาศที่มหาลัยนั้นจะ มีแต่เด็กเก่งๆ ก้อเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าสามารถทำให้เด็กที่เรียนไม่เก่งแล้วจบออกมามีคุณภาพได้สิ ถึงจะบอกได้ว่า มหาลัยนั้น เก่งจริงๆๆ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
5555
เรทกระทู้
« ตอบ #172 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 07:34 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

TOYOTA q*072

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
สู้ๆครับ
เรทกระทู้
« ตอบ #173 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 08:55 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

อย่าไปสนเล้ยย การศึกษาคือความรู้ที่ได้มามิใช่สถาบัน...

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
เห็นใจ
เรทกระทู้
« ตอบ #174 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 09:30 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

อย่าโกรธไปเลยนะคะ
ในอดีตนั้น มีการเปรียบเทียบการทำงานของบุคลากรที่จบจากราชภัฏ (วิทยาลัยครูเดิม) กับเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัยต่างๆ พบว่า
วิธีการทำงานต่างกัน การตัดสินใจต่างกัน การคิดต่างกัน
เมื่อเป็นมาเช่นนี้ จึงเกิดเป็นการเก็บข้อมูลของหน่วยงานไว้ประกอบการพิจารณารับคนเข้าทำงาน เขาไม่มีเวลาให้เราเข้าไปเรียนรู้วิธีทำงานพื้นๆ เช่น การตอบโต้หนังสือหรอกนะคะ เข้าไปต้องทำได้เลย

ผลผลิตราชภัฏต้องแสดงฝีมือค่ะ แล้วหน่วยงานจะยอมรับคุณ

เอาใจช่วยนะ อย่ามัวแต่ต่อว่าด่าทอสังคมเลย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
เห็นแล้วเครียด
เรทกระทู้
« ตอบ #175 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 10:41 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ดีก็ต้องยอมรับว่าดี ห่วยก็ต้องยอมรับว่าห่วย ไม่ใช่แถว่าเป็นคนของพระราชา อย่างงี้จะได้ปรับปรุงอะไร ก็ได้แค่เถียงกลับเวลาเค้าด่า สู้เอาเวลามาคิดดีกว่าว่าจะทำอะไรให้มันดีกว่านี้มั้ย ถ้าไม่ทำก็เงียบให้เค้าด่า ยังดีกว่ามาแถ

เด็กราชภัฎดีๆก็มีเยอะ ส่วนใหญ่เป็นพวกอยากเรียนแต่ไม่มีโอกาส เพราะราชภัฎค่าเทอมถูก พวกนี้ก็จะเก่ง เพราะไม่ได้แค่เรียนจากในห้อง เค้าหาเอาเอง แต่ ส่วนใหญ่ พูดถึงส่วนใหญ่เลยนะ บอกตรงๆจบไปเอาไปทำอะไรไม่ได้ จ้างเด็ก ปวส ดีกว่าอีก บอกตรงๆแค่วิธีคิดก็ต่างกันแล้ว วันๆรักสนุก มีแต่เรื่องละคร เรื่องนินทาชาวบ้าน เรื่องความรัก แล้วก็ชอบมาหาว่า เด็ก จุฬา มธ เกษตร พระจอม ฯลฯ หยิ่งยะโส ตัวเองเก่งเท่า หาว่าเค้าชอบดูถูกมั่งแหละ แล้วตัวเองเคยทำอะไรให้เค้าชื่นชมมั่งมั้ย แค่แต่งตัวก็ไม่ไหวแล้ว พูดจาอย่างงี้แถวป้ายรถเมล์ก็ โหวกเหวกโวยวาย แค่นี้มันก็ต่างกันแล้ว ชัดเจนในสายตาทั้งภายนอกและภายใน แล้วยิ่งฝีมือไม่ต้องพูดถึง ไม่เห็นจะอึดเลย ทำงานมั่งพักมั่งเล่นเฟสบุ้คมั่ง ส่วนเด็กมหาลัยปิดที่เห็นนะ ทำแต่งาน งกๆๆๆๆ ให้เจรจากับลูกค้า ก็ปิดได้สวยงาม พูดภาษาก็ได้ ให้ทำอะไรก็เนี้ยบ ไม่จำเป็นต้องถึก แต่ใช้สมอง และการจัดการได้ดีมากกว่า ไม่ต้องทำตัวเหนื่อย อวดว่าตัวเองถึก แต่ประสิทธิภาพเหนือกว่าเป็นไหนๆ ลองคิดดูแล้วกันนะ ที่พูดมันจริงมั้ย แต่คิดว่ามันจริงทุกประการ อ่านแล้วหงุดหงิด เห็นพวกราชภัฎชอบอ้างว่าดูถูกมั่งแหละ คนของพระราชามั่งแหละ ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย ขนาดซื้อของเรายังอยากได้ของดีเลย แล้วบริษัทเค้าไม่อยากได้ของดีรึไง ถ้าอยากเป็นของดีก็ทำตัวให้ดีซี่ โถ่

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
เหมือนกัน
เรทกระทู้
« ตอบ #176 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 10:44 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

จบราชภัฏค่ะ ทำงานอยุ่ท่ามกลางคนที่จบสถาบันดังๆทั้งนั้น ที่ทำงานแยกระดับ ราชภัฏก็รับแต่เป็นตำแหน่งเล็กๆ โดนดูถูกจนชินชา เราก็ยอมรับสภาพ แต่ก็พยามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด บางอย่างเค้าทำไม่ได้แต่เราทำได้ ก็มีคะ คนเราก็ไม่ได้เก่งถุกอย่างทัง้หมดหรอก

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
N%J
เรทกระทู้
« ตอบ #177 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 11:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*062 เด็กราชภัฏก้อเก่งกว่าเด็มมอดังเยอะนะคะ q*062

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
torntobe
เรทกระทู้
« ตอบ #178 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 11:14 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผมว่า ดีชั่วที่ตัวทำ ผมเองจบราชมงคลเรียนกลางๆแต่มีความสนใจในสิ่งที่เรียน และสิ่งที่ทำ วันนึงผมก้าวหน้าไปมากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกับก็รู้สึกว่าตัวเก่งที่ได้มีวันนี้เพราะเรียนสถาบันดีๆ แต่ปรากฎว่า หัวหน้าผมจบรามครับ มีความคิด เป็นผู้นำ ละเอียดรอบคอบ และสอนผมว่าสถาบันช่วยเปิดทัศนะคติของเรา วิชาแต่ละวิชาแฝงไปด้วยการฝึกฝน เช่น Calculas สอนให้เรามีเหตุผล การพลิกแพลงสูตรต่างๆ สอนให้เรารู้จักแก้ไข เราไม่ได้ใช้หรอกครับ แต่การให้เราเป็นคนมีเหตุผลนั่นแหละที่เราได้ใช้ ผมยังคงเคารพและนับถือบุคคลมากกว่าที่ตัวสถาบัน ยิ่งถ้ารู้ว่าจบจากราชภัฏแล้วเก่งขนาดนั้น ยิ่งนับถือมากครับ ไม่ใช่เพราะสถาบันไม่ดีแล้วเค้าโดดเด่นนะ แต่เป็นเพราะเค้ารู้จักที่จะดึงสิ่งที่มหาลัยมีให้ตะหาก เคารพทุกท่านที่มีความคิดที่จะรักโลก รักประเทศของเราครับ ^_^

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #179 เมื่อ: 25 มิ.ย. 11, 11:21 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เจ้าของกระทู้กล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐาน เชื่อถือไม่ได้ว่าเป็นความจริง เป็นการกล่าวลอยๆ ทำให้เกิดประเด็นว่ามีการดูแคลนคนจบราชภัฏ คยที่ออกความเห็นควรพิจารณาข้อเท็จจริงด้วย ใช้ปัญญาและอย่าหลงไปกับสิ่งที่ไร้หลักฐานอ้างอิง

เป็นความจริง เราเคยทำงานอยู่บริษัทใหญ่เป็นมหาชนด้วย ถามเพื่อนๆที่ทำงานบริษัทใหญ่เหมือนกันก็เป็นแบบนี้ เลยคิดว่าส่วนใหญ่จะเป็นนะ

เรายังไม่ชอบเลยที่บริษัทฯทำแบบนี้ ยังว่าในใจด้วยซ้ำว่าทำไมเวลารับสมัคร ไม่ใส่หมายเหตุไปเลยล่ะว่าไม่รับสถาบันไหนบ้าง เขาจะได้ไม่มาเสียเวลา เสียรูปถ่าย เสียน้ำหมึก กับการสมัครที่โดนคัดทิ้งตั้งแต่แค่เห็นว่าเรียนจบจากไหน แถมบริษัทยังแบ่งเกรดเงินเดือนอีกตะหาก ที่มีโพสข้างบนว่า บ.SCG น่ะใช่เลย รวมถึงบริษัทในเครือด้วย ราชภัฏไม่ต้องไปสมัครเลยจ้ะ
บอกด้วยความหวังดี แล้วคุณจะคิดไปซื้อสินค้ากับบริษัทที่กีดกันสถาบันหรือป่าวล่ะ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 4 5 6

 
ตอบ
ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:   Go
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม
         

ทางสนุก! จะทำการตรวจสอบ
และขออนุญาตไม่แสดงข้อความ
ที่ไม่เหมาะสม ข้อความที่
ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่
สถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ รวมถึงข้อความที่
เข้าข่ายหลอกลวง การเผยแพร่
ภาพลามกอนาจาร หรือข้อความ
ใดๆ ที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความ
เสียหาย บนกระทู้นี้