รัฐมุ่งลดช่องว่างรวย-จนสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ
“กิตติรัตน์” ระบุรัฐบาลกำลังเปลี่ยนนโยบายบริหารเศรษฐกิจแนวใหม่ มุ่งสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ ละช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน วอนแบงก์ชาติคงอัตราภาษีเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งปรับเพิ่ม ขอเวลาให้รัฐบาลผลักดันนโยบายด้านต่างๆให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ยันค่าแรง 300 บาทได้แน่วันที่ 1 ม.ค. นี้ ประชาธิปัตย์ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จวกมาตรการบ้านหลังแรกไม่เอื้อประโยชน์คนจน ไม่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ แถมอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทตระกูลชินวัตร เพราะมีโครงการบ้านราคา 3-5 ล้านบาทอยู่ในมือมากที่สุด
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ในงานสัมมนาเรื่อง “จับทิศท่อง เที่ยวไทย 2 ล้านล้านบาท ความท้าทายรัฐบาลใหม่” ว่าการขึ้นค่าข้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทจะเริ่มได้แน่นอนในวันที่ 1 ม.ค. 2555 เชื่อว่าผู้ประกอบการพร้อมสนองตามแนวนโยบายของรัฐบาล เพราะว่ารัฐบาลได้ช่วยเหลือด้วยการปรับลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือเพียง 23% พร้อมกับขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายออกไปก่อน เพื่อให้เวลารัฐบาลได้ดำเนินการตามนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อน นอกจากนี้ยังได้ขอให้กระทรวง การคลังศึกษาขยายฐานภาษีเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยรัฐบาลจะเปลี่ยนประเทศไทยเข้าสู่สมดุลใหม่ในการทยอยปรับลดอัตราภาษีเงินได้ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 30%
“นโยบายการบริหารเศรษฐกิจจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ เน้นการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นระหว่างคนรวยกับคนจน เพิ่มการสร้างฐานอุปโภคบริโภคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น ไม่พึ่งพาการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเพียงอย่างเดียว”
นายกิตติรัตน์กล่าวอีกว่า รัฐบาลกำลังพยายามเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชน ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติอุดหนุนค่าครองชีพข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานของรัฐ ให้ได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 15,000 บาท และต่อไปใครมาทำงานกับรัฐหากจบปริญญาตรีจะได้ไม่น้อยกว่า 15,000 บาท หวังว่าหลักการนี้จะขยายไปสู่ภาคเอกชน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. กล่าวว่า มาตรการหักลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกที่เพิ่มราคาบ้านจาก 3 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาท เป็นการนำเงินภาษีชนชั้นกลางไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว เพราะมาตรการนี้จะทำให้อสังหาริมทรัพย์ในเครือของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของคนในตระกูลชินวัตรได้รับประโยชน์กว่า 1,000 ยูนิต จึงไม่ต้องถามว่ามาตรการนี้เอื้อประโยชน์ให้ใคร
นายสรรเสริญ สมะลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มาตรการนี้เกิดประโยชน์กับคนจนจริงๆน้อยมาก เพราะเมื่อลดทอนภาษีจริงๆแล้ว บ้าน 1 ล้านบาทที่บอกว่าให้หักได้ 100,000 บาท แต่จริงๆจะได้เพียง 15,000-35,000 บาทเท่านั้น ตามการจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
“ราคาบ้าน 3-5 ล้านบาทส่วนมากอยู่ในบริษัท เอสซีฯ โดยตรง เมื่อประเมินเงินรายได้จากประชาชนที่จะมาสร้างรายได้ให้บริษัทเอสซีฯคร่าวๆ 1,000 ยูนิต คิดขั้นต่ำยูนิตละ 3 ล้านบาท ก็ได้ 3,000 ล้านบาท มาตรการนี้เทียบไม่ได้เลยกับมาตรการของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้กู้ซื้อบ้านหลังแรกดอกเบี้ย 0% 2 ปี และการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน ซึ่งทำให้คนทุกระดับได้รับประโยชน์”
นายอานนท์ น้อยอ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิอร คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของโครงการบ้านภานน กล่าวว่า การลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องไกลตัว ทำให้มาตรการนี้ไม่โดนใจผู้บริโภค เพราะคนที่จะได้รับประโยชน์ต้องมีรายได้ระดับปานกลางถึงรายได้สูง ทำให้คนมีรายได้น้อยไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ จึงไม่สอดคล้องกับชื่อโครงการว่าบ้านหลังแรก และมาตรการนี้ก็จะไม่ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้มากนัก
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=12155