เรื่องของราคากล้องที่มันผันผวนยิ่งกว่าราคาพระที่ท่าพระจันทร์นี่ ทาง กทม.ต้องออกมาชี้แจงให้กระจ่าง และอยากให้ ปปช.เข้าไปตรวจสอบด้วย กลิ่นเน่ามันเริ่มโชยออกมาแรงขึ้นทุกทีแล้ว
..........................
คุณเอกเอาออกมาแฉให้เป็นประเด็นเช่นนี้ ดีมากๆ ครับ เพื่อที่เหล่าคนเสื้อสีที่บูชาทรราช นายทุนสามานย์จะได้เห็นว่า แม้คุณเอกจะไม่ชอบนักโทษหนีคุก แต่คุณเอกก็ไม่โปรดการคอร์รัปชั่น ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม ซึ่งไม่เหมือนกับพวกคนเสื้อสีที่คิดเองไม่เป็น.....ครับ
ตื่นมาเช้านี้ มีฝนตกหยิมๆ อากาศก็ดีจัเลย เดี๋ยวออกไปหาซื้ออะไรแพงๆ กินดีกว่า (พวกข้าวเหนียว น้ำพริกแดง ยำผักกาดดอง น่ะ จ่ายไม่เกิน 20 บาท)
คุณแร้งครับ เรื่องกล้องนี่ ความรับผิดชอบเต็มๆจริงๆคือ ผู้ว่าอภิรักษ์เพราะมันจัดซื้อในสมัยนั้น
ส่วนท่านสุขุมพันธ์ ก็แค่ต้องมาออกรับแทนในตอนนี้ เท่านั้น
เรื่องราคาแพง ผมไม่ติดใจเท่าไหร่ แต่เรื่องเอา
กล่องเปล่า ติดแทนกล้อง
ดัมมี่ นี่แหล่ะผมคาใจ??
V
V
ด้าน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใช้สิทธิ์ชี้แจงในที่ประชุมว่า กรณีที่ว่ากล้องปลอมหรือกล่าวว่าแหกตาประชาชนนั้น ยืนยันว่ากล้อง Dummy
เป็นกล้องที่ได้ดำเนินการติดตั้งลักษณะสากลเพื่อมาตรการป้องปราม และติดตั้งหลายประเทศ เช่น ที่อังกฤษ โดยหากพูดถึงนโยบายติดตั้งกล้อง CCTV ทั้งหมดเริ่มจากปี 2547 จากเหตุการณ์ความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีมาตรการปลอดภัยให้ติดกล้อง CCTV ซึ่งมีการจัดทำทีโออาร์ติดตั้งกล้อง และตรวจสอบโดยคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ พบว่ากล้องที่ติดใน 5 จังหวัด ภาคใต้ก็ประกอบด้วยกล้อง Dummy ด้วย และมีจำนวน 7,000 ตัว ขณะที่กล้อง CCTV มี 3,520 ตัว หมายความว่าในสมัยนั้นมีการดำเนินการและมาตรฐานสากลทำได้ และที่ภาคใต้เรียกกล้องพราง ไม่ได้เรียกกล้องปลอมให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่าของปลอม
ผู้สื่อข่าวรายงาว่า อย่างไรก็ตาม
ส.ส.เพื่อไทยได้ตั้งคำถามต่อถึง กรณีกล้องที่มีแต่กล่อง Housing ไม่มีตัวกล้องนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ไม่มีการชี้แจงเรื่องดังกล่าว โดยมีการชี้แจงเพียงประเด็นกล้องDummy และนายอภิรักษ์ ยืนยันว่างบประมาณ 330 ล้านบาท ที่ติดตั้งกล้องสมัยตนนั้นไม่ได้รวมแค่ราคากล้อง แต่ยังมีอุปกรณ์อื่น และระบบเชื่อม