หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: จะสร้างความ "ปรองดอง" หรือสร้างความ "แตกแยก"...???  (อ่าน 143 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 09:38 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 
ปรองดองหรือแตกแยก

q*021q*021q*021

โดย...โกวิทย์ พวงงาม คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผมเข้าใจว่า ประเด็นการ “ปรองดอง” หรืออาจเรียกว่า “การปรองดองแห่งชาติ” ซึ่งได้ถูกหยิบยกเพื่อนำมาพูดเป็นเรื่องสำคัญของชาติ โดยส่วนใหญ่เป็นการพูดในหมู่นักการเมือง ทั้งของผู้ที่เคยมีอำนาจและผู้ที่เคยสูญเสียอำนาจที่ต้องการให้เป็นกระแสวาระ “การปรองดองแห่งชาติ” ซึ่งเห็นว่าส่วนใหญ่มักวนเวียนเกี่ยวข้องกับเรื่องของผลประโยชน์นักการเมืองเป็นส่วนใหญ่



จึงเห็นว่าการปรองดองเป็นเรื่องของกลุ่มการเมืองที่วนเวียนอยู่กับกลุ่มอำนาจต่างๆ ทั้งที่เคยกุมอำนาจรัฐและสูญเสียอำนาจรัฐไปแล้ว มีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ทั้งในเรื่องของการหาผลประโยชน์ทรัพยากรของชาติมาเป็นผลประโยชน์ของตน และก่อให้เกิดความขัดแย้ง การขุดคุ้ยในประเด็นคอร์รัปชัน รวมทั้งการก่อกวนความวุ่นวายทางการเมือง จนเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

จึงกลายเป็นว่าความขัดแย้ง ความแตกแยกของกลุ่มอำนาจทางการเมืองที่มีความไม่ชอบมาพากล จะนำมาสู่การนำเสนอเรื่องการปรองดองนั้น ก็มีแนวทางที่เป็นไปไม่ได้ ที่สำคัญกลุ่มการเมืองในปัจจุบันมักจะแบ่งแยกออกเป็นขั้วขัดแย้งทางการเมืองอย่างชัดเจนโดยขาดเหตุและผล

นอกจากนั้นสิ่งที่น่ากลัวก็คือ การเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นตัวตั้งมากกว่าผลประโยชน์ของชาติ รวมถึงการสร้างกลุ่มมวลชนขึ้นมาของกลุ่มการเมืองที่ต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงอำนาจให้มีการคุกคามสร้างความรุนแรงเพื่อรักษาผลประโยชน์เชิงอำนาจนั้น ก็จะยิ่งสร้างความขัดแย้งและความแตกแยก

ผมจึงมองไม่เห็นทางว่า การปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ถ้านักการเมืองไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ เป้าหมายของชาติ และที่น่าเป็นห่วงก็คือ เวลาเรากล่าวถึงการปรองดอง มักจะมีวิธีคิดกันเพียงว่า การเริ่มต้นก็ต้องให้ประโยชน์แก่นักการเมืองที่เป็นผู้ขัดแย้ง เป็นต้นว่าเริ่มต้นการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ร.บ.ล้างมลทิน การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนิรโทษกรรมคดีทั้งหมดให้แก่ฝ่ายการเมือง จนบางครั้งทำให้เห็นว่ารัฐบาลจมปลักอยู่กับวังวนทางการเมือง แต่ก็ไม่หลุดพ้นจากความคิดที่เป็นประโยชน์แก่นักการเมือง

ความปรองดองคงเป็นไปได้ยาก ถ้ายังมีกรณี ดังต่อไปนี้

กรณีที่ 1 มีข่าวคราวความพยายามอยู่ตลอดเวลาของฝ่ายการเมือง นักการเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลและนักการเมืองที่เป็น สส. พรรคเพื่อไทยที่จะนำเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการช่วยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่

กรณีที่ 2 มีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากกรณีที่มีการเผาบ้านเผาเมืองของบางกลุ่ม และในเวลาต่อมามีการกล่าวโทษกันไปกันมาว่ากลุ่มใดเป็นต้นเหตุ โดยเฉพาะเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดง ปี พ.ศ. 2553 ที่เกิดการเผาบ้านเผาเมืองขึ้น

กรณีที่ 3 มีคำพิพากษาของศาลยุติธรรม จากกรณีบุกเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดอุบลราชธานี ผู้กระทำความผิดถูกศาลตัดสินลงโทษให้จำคุกเป็นเวลา 20 ปี และ 22 ปี ตามลำดับ ส่วนผู้ที่เป็นผู้ต้องหาเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ และธุรกิจบริเวณย่านสยามสแควร์ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคดีต่างๆ เหล่านี้ที่ตัดสินไปแล้วและกำลังจะตัดสินจะเป็นการช่วยยืนยันว่าการเผาบ้านเผาเมืองนั้นมีจริง

กรณีที่ 4 นอกจากนี้ การที่หลายฝ่ายกังวลการละเมิดสถาบัน ซึ่งมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มล่วงละเมิดนั้น ศาลได้มีคำพิพากษาสั่งจำคุกบุคคลที่ล่วงละเมิดสถาบันไปแล้วหลายราย ซึ่งล่าสุดศาลสั่งจำคุก “ดาตอร์ปิโด” น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล เป็นเวลา 15 ปี

กรณีที่ 5 ยังมีผู้ต้องหาอีกหลายรายที่ถูกจับกุมกำลังอยู่ในขั้นการพิจารณาของศาล และมีบุคคลบางส่วนยังหลบหนีการจับกุมอยู่อีก ทั้งคดีการทำลายทรัพย์สินของราชการบุกรุกสถานที่ประชุม และการเข้าข่ายการก่อการร้าย กำลังมีคำถามว่า คนกลุ่มนี้จะได้รับอภิสิทธิ์ในการคุมขังเหนือกว่าบุคคลอื่นหรือไม่

ผมเข้าใจว่า เรื่องของความปรองดองคงมิใช่เป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์ให้กับนักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการเมืองของประชาชนทั้งประเทศ คำถามตอนนี้คือ การปรองดองเพื่อผลประโยชน์ของใคร ?

http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9/128026/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B8%81



q*021q*021q*021



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 10:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เข้ามาสนับสนุนกระทู้ครับ โดนใจมาก "ปรองดองเพื่อใคร"
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 12:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถ้าสลิ่มมาบอก จะปรองดอง ต้องทำอย่างนั้น ห้ามทำอย่างนี้
เอาความคิดพวกตัวเองเป็นที่ตั้ง

อย่างเรื่องนิรโทษ เวลาทหารทำรัฐประหาร เขียนกฎหมายนิรโทษตัวเอง
ผู้พิพากษาร่วมมือกับทหารที่ทำผิดกฎหมาย ไม่พูดสักแอะ

แต่ ประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบผลงาน และ เรียกร้องให้พาทักษิณกลับบ้าน
โดยให้ลบความผิดที่ตัดสินแบบค้านสายตาคนทั่วไป กลับบอกไม่ได้
เป็นการทำเพื่อคนๆ เดียว ไม่ต้องมาหลอกให้สังคมคล้อยตาม
การช่วยทักษิณ เป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่
การช่วยทักษิณ เป็นผลประโยชน์ของประชาชนที่อยากใ้หกลับมาบริหารประเทศ


ถ้าปรองดองแล้วต้องทำตามความเห็นสลิ่ม ก็อย่ามาปรองดองกันเลย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 13:05 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*062

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
k542
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 13:43 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ถ้าสลิ่มมาบอก จะปรองดอง ต้องทำอย่างนั้น ห้ามทำอย่างนี้
เอาความคิดพวกตัวเองเป็นที่ตั้ง

อย่างเรื่องนิรโทษ เวลาทหารทำรัฐประหาร เขียนกฎหมายนิรโทษตัวเอง
ผู้พิพากษาร่วมมือกับทหารที่ทำผิดกฎหมาย ไม่พูดสักแอะ

แต่ ประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบผลงาน และ เรียกร้องให้พาทักษิณกลับบ้าน
โดยให้ลบความผิดที่ตัดสินแบบค้านสายตาคนทั่วไป กลับบอกไม่ได้
เป็นการทำเพื่อคนๆ เดียว ไม่ต้องมาหลอกให้สังคมคล้อยตาม
การช่วยทักษิณ เป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่
การช่วยทักษิณ เป็นผลประโยชน์ของประชาชนที่อยากใ้หกลับมาบริหารประเทศ


ถ้าปรองดองแล้วต้องทำตามความเห็นสลิ่ม ก็อย่ามาปรองดองกันเลย


คิมเข้ามาสนับสนุนความเห็นของคุณNUTTELPANTIPค่ะ...ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในกระทู้

q*062

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 14:25 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

คนที่ค้ดค้านทักษิณส่วนหนึ่งเป็นลูกหลานคนยากคนจนที่พอได้ดิบได้ดี
ยกฐานะเป็นคนชั้นกลางหรือชั้นสูงแล้วลืมคนยากจนด้วยกัน ที่ร้ายกว่านั้นคือ กลัวทักษิณจะไม่อั้นเรื่องทุนการศึกษา กลัวทักษิณส่งเด็กยากจนไปเรียนเมืองนอก กลัวทักษิณจะทำให้ไม่มีคนยากคนจน ตัวเอง
ก็จะไม่เด่น ไม่เริ่ด เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็เลยรวมตัวกันขับไล่ทักษิณ
ไปให้พ้น ๆ คนยากจนจะได้ไม่มีโอกาสเผยอหน้าขึ้นมาเท่าเทียมตัวเองได้ q*076

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
นะฮะ
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 16:17 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
พวกที่คัดค้านฯโยบายของทักษิณส่วนใหญ่เป็นพวกอภิชนาธิไตยที่มองเห็นคน

ไทยส่วนใหญ่เป็นทาสา ทาสี และเป็นเหยื่อ..ของพวกตนเท่านั้นเอง..

ประเทศไทยต้องจมปลักดักดาน..พัฒนาไปแบบหัวโตแต่แข้งขาลีบ ก็เพราะ

ความคิดของไดโนเสาร์พวกนี้เอง...

พวกอภิชนาฯรักตนเอง..มากกว่าประเทศชาติ..บ้านเมืองต้องสูญเสียเกียรติภูมิ

หญิงไทยต้องถูกตราหน้าจากคนทั่วโลกมานานนับ..ก็เพราะการกดขี่ เอารัดเอา

เปรียบ..จากพวกอภิชนาฯ..นี่เอง..!!!!!!!
q*020q*00q*011q*022
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 19:13 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่า "ทำไม ถึงทำใจ ให้รัก ไม่ได้" อยากทราบเหตุผลบางส่วนไหมครับ q*020

cocococococo

การอนุมัติให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้แก่รัฐบาลพม่าเป็นไปโดยชอบ และเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปและบริษัทไทยคมหรือไม่

ข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2546 เอกอัครราชทูตสหภาพพม่าประจำประะเทศไทย ส่งหนังสือจากนายวิน อ่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศพม่า ถึงนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเพื่อขอให้พิจารณาให้สินเชื่อจำนวน 3,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลพม่า ในการซื้อเครื่องจักรกล การก่อสร้างและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 เห็นชอบให้เอ็กซิมแบงก์ให้เงินกู้ในการซื้อเครื่องจักรและพัฒนาประเทศแก่รัฐบาลพม่า ในวงเงิน 4,000 ล้านบาท(เพิ่มขึ้นจากเดิม 1,000 ล้านบาท)

วันที่ 25 มิถุนายน 2547 มีการทำสัญญาเงินกู้ระหว่างเอ็กซิมแบงก์กับธนาคารการค้าต่างประเทศ แห่งสหภาพพม่า

ประเด็นการพิจารณา

1.พ.ต.ท.ทักษิณ มีโอกาสพบและหารือข้อราชการกับผู้นำพม่าหลายครั้ง โดยวันที่ 6-8 ตุลาคม 2546 ได้พบและหารือกับนายกรัฐมนตรีพม่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่เมืองบาหลี ประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซีย หลังจากการประชุมดังกล่าว นายวิน อ่อง มีหนังสือถึง นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เพื่อขอวงเงินสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท

2. ระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2546 มีการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ขึ้นที่กรุงย่างกุ้ง และที่เมืองพุกาม มีการทำปฏิญาพุกามว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทย กัมพูชา พม่า และ สปป.ลาว โดยทั้ง 4 ประเทศจะให้ความร่วมมือกันในการอำนวยความสะดวกด้านการค้า และการลงทุนด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมในภูมิภาค การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งมิได้ระบุถึงการพัฒนาระบบโทรคมนาคม

3.รัฐบาลพม่าร้องขอวงเงินสินเชื่อจากรัฐบาลไทยในครั้งแรก ด้วยความประสงค์ที่จะใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับการพัฒนาด้านการคมนาคมซึ่งอยู่ในกรอบความร่วมมือที่ไทยเคยเสนอในชั้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปเยือนสหภาพพม่าใน 2 ครั้งแรก และข้อตกลงร่วมกันตามปฏิญญาพุกามว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

4.นายสุรเกียรติ์ และนายอภิชาติ ชินโนวรรณ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก เบิกความทำนองเดียวกันว่า เมื่อรัฐบาลพม่าร้องขอวงเงินสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบโทรคมนาคม กรมเอเชียตะวันออกพิจารณาและเสนอรายงานพร้อมข้อคิดเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียไว้ ซึ่งปรากฏในข้อเสียว่า เป็นเรื่องที่อาจจะมีข้อครหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในการนี้

5.ระหว่างวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2547 มีการพบปะหารือแบบทวิภาคีในการประชุมรัฐมนตรีระหว่างไทยกับพม่า ณ จ.ภูเก็ต นายสุรเกียรติ์ แจ้งเรื่องที่อาจมีข้อครหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในการนี้ ให้นายวิน อ่องทราบ และขอให้โครงการดังกล่าวอยู่ในวงเงินสินเชื่อ 3,000 ล้านบาทเดิม

ครั้นเมื่อนายสุรเกียรติ์นำเรื่องเสนอต่อ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว กลับมีการสั่งด้วยวาจาให้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีก เป็น 4,000 ล้านบาท

6.การระบุวัตถุประสงค์ของการใช้เงินสินเชื่อว่า เพื่อซื้อเครื่องจักรและพัฒนาประเทศมีลักษณะเป็นทำนองหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า เพื่อพัฒนาระบบโทรคมนาคม อันอาจทำให้เกิดข้อครหาแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ การพิจารณาและอนุมัติวงเงินกู้สินเชื่อให้แก่รัฐบาลพม่าจึงไม่เป็นไปตามกรอบความร่วมมือของทุกเรื่องดังกล่าวแล้ว

7.เป็นการดำเนินการที่มีผลประโยชน์การประกอบธุรกิจของบริษัทไทยคม เนื่องจากบริษัทไทยคม เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากพม่าในการขยายการให้บริการโทรศัพท์ มาตั้งแต่ปลายปี 2546 รวมถึงโครงการใน แผนการพัฒนาโทรคมนาคม อาทิ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยสัญญาณดาวเทียม โครงการการส่งสัญญาณทั่วประเทศระบบใยแก้วนำแสง 1,500 กิโลเมตร และโครงการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฯลฯ

8.ในการประชุมระดับผู้นำ ระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ อนุมัติให้ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ร่วมเดินทางเป็นคณะ อย่างเป็นทางการด้วย ระหว่างการประชุม มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทไทยคม 8 คน และบริษัท เอไอเอส 2 คน เข้าร่วมทำการสาธิตระบบโทรศัพท์เคลื่อนทีจีเอสเอ็มผ่านดาวเทียม

9. ต่อมาทางการพม่ามีหนังสือ ลงวันที่ 8 มกราคม 2547 ถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย เสนอโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมในเขตชนบท และพื้นที่ห่างไกลและขอรับความช่วยเหลือจากไทย 24.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีหนังสือลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2547 ขอเพิ่มวงเงินกู้สินเชื่อ จาก 3,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท และมีหนังสือ ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 ติดตามผล รวมทั้งการขอลดดอกเบี้ย

10. พ.ต.ท.ทักษิณสั่งการต่อนายสุรเกียรติ์ ให้แจ้งไปว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่า ให้เพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท โดยจะให้การอุดหนุนชดเชยในส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยด้วย และภายหลังที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา

ในวันที่ 15 มีนาคม 2547 มีการประชุมระหว่าง นายสุรเกียรติ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับวงเงินสินเชื่อ 4,000 ล้านบาท โดยลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 5.75 เป็นอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ปลอดการชำระหนี้การจ่ายเงินต้น 2 ปี

11.ต่อมาพม่าได้ขอให้ปลอดการชำระหนี้การจ่ายเงินต้น เป็น 5 ปี ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเห็นชอบ คณะกรรมการเอ็กซิมแบงก์ จึงต้องมีมติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเป็นระยะเวลากู้ 12 ปี โดย 5 ปีแรกชำระเฉพาะดอกเบี้ย สำหรับ 7 ปีที่เหลือชำระเงินต้น และดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน ทำให้กระทรวงการคลังต้องจัดสรรงบประมาณชดเชยความเสียหายแก่ธนาคารตามมติคณะรัฐมนตรีในปีงบประมาณ 2549 และ 2550 รวมเป็นเงิน 140,349,600 บาท

12.การขอวงเงินกู้สินเชื่อเพิ่มเติมฯเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่กรุงย่างกุ้ง และเมืองพุกาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทไทยคม และบริษัทเอไอเอส ได้ไปสาธิตระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่จีเอสเอ็มผ่านดาวเทียม ย่อมแสดงให้เห็นว่า การขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม มีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทไทยคมนั่นเอง


อ้างอิง http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1270380713
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #8 เมื่อ: 26 ธ.ค. 11, 19:19 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
อีกซักข้อละกันนะครับ q*020

สรุปผลคำพิพากษาในประเด็นต่างๆ คดียึดทรัพย์ ‘ทักษิณ’

- กรณีการปกปิดการถือหุ้นระหว่างดำรงตำแหน่งนายกฯ ปี 2544 - 2548 โดยผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสใช้ชื่อบุตร ธิดา และญาติถืหุ้น บมจ.ชิน คอร์ปฯ แทน เป็นการฝ่าผืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 40, พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี 2543 และ พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.2542 หรือไม่

มีมติเอกฉันท์
ผู้ถูกกล่าวหาและภริยาเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทชินคอร์ปที่แท้จริงในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย

-------------------------

-กรณีแปลงค่าสัมปทานเป็นค่าภาษีสรรพสามิต โดยมีการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 พ.ศ.2546 ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากกิจการโทรคมนาคม โดยรายเก่าให้นำค่าสัมปทานมาหักกับภาษีสรรพสามิต เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกิจการของผู้ถูกกล่าวหา กีดกันผู้ประกอบการรายใหม่หรือไม่

มีมติด้วยเสียงข้างมาก
การออกพระราชกำหนด แปลงค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นค่าภาษีสรรพสามิต เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ปและบริษัทในเครือ มีผลในการกีดกันการแข่งขัน

-------------------------

-กรณีการแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการมือถือแบบพรีเพดให้กับเอไอเอส ส่งผลให้ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ ทศท ฯ ในอัตรา 20% คงที่ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน จากเดิมที่ต้องจ่ายแบบก้าวหน้า 25% - 30% เอื้อประโยชน์ต่อชินคอร์ปและเอไอเอสหรือไม่

มีมติด้วยเสียงข้างมาก
ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการแก้ไขสัญญาดังกล่าว และผู้ถูกกล่าวหามีหุ้นในชินคอร์ป จึงเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ปและเอไอเอส

-------------------------

-กรณีการแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (โรมมิ่ง) และให้หักค่าใช้จ่ายจากรายรับ กรณีการปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายรวม เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ชินคอร์ปและเอไอเอส การแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินให้ ทศท.และ กสท เป็นผลประโยชน์ที่เกิดกับบริษัทที่ผู้ถูกกล่าวหาถือในระหว่างดำรงตำแหน่ง เป็นเหตุให้หุ้นมีมูลค่าสูงขึ้น จนกระทั่งขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็ก สิงคโปร์

มีมติด้วยเสียงข้างมาก
ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ผลประโยชน์ในการลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วมตกอยู่กับเทมาเส็ก เนื่องจากมีการขายหุ้นให้แก่เทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549

-------------------------

-กรณีละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศโดยมิชอบหลายกรณี ได้แก่ การอนุมัติโครงการดาวเทียไอพีสตาร์, การอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปฯ ในบริษัท ชินแซทเทิลไลท์ ที่เป็นผู้ขออนุมัติสร้างและส่งดาวเทียมไทยคม และการอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศ เป็นการเอื้อประโยชน์กับบริษัท ชินคอร์ปฯ และบริษัท ชินแซทฯ หรือไม่

มีมติด้วยเสียงข้างมาก
เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทชินคอร์ป และบริษัทไทยคม

-------------------------

-กรณีอนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่ากู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เพื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการของบริษัท ชินแซทฯ โดยสั่งการเห็นชอบเพิ่มวงเงินกู้จาก 3,000 ล้านเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของสหภาพพม่า ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน รวมทั้งให้ขยายเวลาปลอดการชำระหนี้ การจ่ายเงินต้นจาก 2 ปี เป็น 5 ปี เพื่อประโยชน์ของบริษัท ชินแซทฯ จะได้รับงานจ้างพัฒนาระบบโทรคมนาคมจากรัฐบาลสหภาพพม่า

มีมติด้วยเสียงข้างมาก
เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทชินคอร์ป และบริษัทไทยคม


-------------------------

อันนี้เป็น คดีที่ได้ข้อสรุปจากคำพิพากษาจากศาลแล้วนะครับ ผมไม่ได้คิดเองเออเองสรุปเองและใส่ร้ายป้ายสีเอง ใด ๆ เลยนะครับ ส่วนคดีที่ นช ทักษิณ หนีศาลอยู่นั่น ไว้เอามานำเสนอในตอนต่อไปก็แล้วกัน ...เครดิตจากคุณ newpoliticsparty

cocococococo
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
เตียวหุย
เรทกระทู้
« ตอบ #9 เมื่อ: 27 ธ.ค. 11, 07:29 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ก็เหมือนกันนั่นแหละ ที่ทำใจให้เชื่อไม่ได้ก็เพราะ

1. ทุจริตเยอะแยะขนาดนั้นทำไม่เขาไม่ใช้กฏหมาย กฏหมายบ้านเมืองก็มี ช้าเร็วมันก็ใช้ได้ผลมาตลอดยังไม่เคยเห็นไครในฝ่ายนักการเมืองรอดสักคน จะมีก็แต่ฝ่ายอำนาจที่รอดทุกครั้ง แล้วที่ใหนในโลกเขาบัญญัติไว้ว่าทุจริตต้องยึดอำนาจ

2. ทุจริตทำไม่ต้องก่อกวนยึดทำเนียบยึดสนามบินแล้วเลยไปยึดอำนาจ เห็นว่าวางผนร่วมกันมาเป็นขั้นเป็นตอนไม่ใช่หรือ แล้วทั้งสามยึดนี่มันเสียหายหนักกว่าเลวร้ายกว่าทุจริตที่ว่าไม่ใช่หรือ ทำไมเลือกทำ ทำแล้วมันแก้อะไรได้บ้าง มีแต่หนักหน้าไม่ใช่หรือ แล้วทำๆไม

2. ว่ากลุ่มตัวเองสุจริตทำไมเวลาเข้ามาบริหารประเทศ ทุจริตมันถึงได้มากมายกว่าเขาขนาดนั้น ขนาดไม่ได้ฟังตามที่ไครกล่าวหาด้วยซ้ำเอาที่ตาเห็นๆเท่านั้น แถบเกือบจะทุกโครงการณ์ สอบแล้วก็มีมูลจนต้องสับเปลี่ยนจนต้องย้ายผู้รับผิดชอบกันอุตลุตไปหมด

3. ว่ากลุ่มตัวเองมีคุณธรรมทำไมเลือกใช้การสลายแทนการยุบ ซึ่งไครๆก็รู้ว่าความสูญเสียมันจะมหาศาล ความร้าวฉานในประเทศจะขยายวงกว้าง และมันก็ยายให้เห็นจริงๆ ไม่ใช่คาดเดา จนกลายเป็นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ทุกวันนี้

4. ว่าเขาไม่ยอมรับโทษทั้งที่ฝ่ายตนเองจนป่านนี้ยังไม่มีไครรับโทษสักคน ทั้งๆที่ความผิดสาหัสกว่ามากนัก ไม่ว่าจะการยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน ยึดอำนาจ สั่งสลายจนคนตาย ต้องรอให้เปลี่ยนขั้วอำนาจถึงเดินหน้าได้

5. ว่าเขาไม่เอากฏหมาย ทั้งที่กลุ่มตนเองไม่ใช่แค่ไม่เอาเล่นฉีกทิ้งเลย แถมเขียนเอาใหม่ตามใจชอบ ผลักดันให้ลงมติด้วยคำหลอกลวงว่ารับไปก่อนแล้วค่อยแก้ แต่พอเวลาไครจะแก้ก็คำรามใส่เหมือน***ินน้ำข้าวไม่มีผิด มันหมายความว่ายังไง

6. ว่าเขาเบี่ยงเบนกระบวนการยุติธรรม แต่ตนเองทำลายระบบนิติรัตน์ เกือบทั้งหมด ด้วยการทำผิดได้ทุกอย่างไม่ต้องรับโทษ ยึดอำนาจก็ทำได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ผิด ยุบพรรคหลักฐานมีครบก็ไม่ต้องยุบ ทำชีวิตพี่น้องร่วมประเทศตาย ก็เอาไปโมเมเรื่องเผาบ้านเผาเมือง

ซึ่งถ้าจะจริงโดยไม่หาหลักฐานเท็จให้เขา มันก็เป็นเรื่องปกติของคนโกรธแค้น ที่เห็นญาติเห็นพี่น้องพ่อแม่รวมถึงพี่น้องร่วมอุดมการณ์ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ต่างประเทศก็มี แต่เขาไม่เคยตีค่าสิ่งของเหล่านี้ให้มากไปกว่าชีวิตคนในประเทศเขาเลย จะสื่อความหมายว่าชีวิตเขาเหล่านี้ไม่มีค่ากระนั้นหรือ

ปรองดองก็หมายความว่าเลิกราต่อกัน โดยที่กลุ่มท่านทุกคนไครที่ทำผิดตามหลักสากลต้องรับโทษที่ทำโดยไม่มีการกลั่นแกล้งเหมือนพวกท่านทำกับเรา ถ้าไม่รับก็ไม่เป็นไร แต่อย่าพูดถึงเรื่องปรองดอง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปรองดองโดยได้ทุกอย่างไปข้างเดียว นั่นเขาเรียกกดขี่ไม่ใช่ปรองดองเราเองก็ไม่จำเป็นต้องฟังฝ่ายการเมืองทุกอย่าง อะไรที่จะไม่เป็นไปโดยถูกต้องชอบธรรม บอกได้เราก็ไม่ฟังหรอก
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #10 เมื่อ: 29 ธ.ค. 11, 05:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

การกระทำทุกอย่างควรคิดถึงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นที่ตั้ง จะได้เป็นเสมือนแสงเทียนที่ส่องนำทางชีวิตในทางที่ถูกที่ควร

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม