W/E ( หยุดโลกไว้ที่รักเธอ ) .... 3 ดาว ....
.................ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ ไม่ใช่เรื่องของเหตุผล เพราะฉะนั้นคนเราจึงทำได้ทุกอย่างเพื่อความรัก ไม่เว้นแม้แต่การเข่นฆ่า ทำร้าย ทำลายคนที่มาขัดขวางเราในเรื่องความรัก ผมว่ามนุษย์ก็ไม่ต่างจากสัตว์นักหรอก แม้คนเราจะพัฒนามาเป็นคนป่า คนเมือง สุดท้ายด้วยวิถีคิดเดิมๆมันก็มีอิทธิพลเหนือเราจนได้อยู่ดีครับ ความรัก ความใคร่ ความลุ่มหลง มันก็มีพื้นฐานมาจากความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราเป็นทุนเดิม อาจจะมีอยู่บ้างที่ยอมสละทิ้งซึ่งความรักสำหรับคนที่มีความเข้มแข็งไม่พอ เราก็จะหลอกตัวเองว่า ฉันเป็นคนดีนะ ฉันเสียสละ ฉันยึดหลักความถูกต้อง แต่จริงๆแล้วที่ตัวเองยอมถอยเพราะคำว่ารักมันยังไม่มากพอต่างหาก !! เมื่อเรารักใครหรืออะไรเข้าสักอย่าง คนเราก็มักจะลุ่มหลงและหน้ามืดตามัว ข้อด้อยข้อเสียของเค้าเราจะลืมมันไปเสียหมดสิ้น ไม่ว่าจะมีเสียงคัดค้านหรือถูกเกลียดชัง หรือกระหน่ำซ้ำเติมเท่าไหร่ เราก็พร้อมจะต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก และสุดท้ายความรักก็เป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ดี มันเป็นเรื่องที่คนนอกคงไม่มีวันเข้าใจ ที่สำคัญก่อนจะตัดสินใครต้องถามใจตัวเองว่ารู้จักเขาดีหรือยังด้วย
.................W/E เป็นหนังเรื่องราวของ วอลลิส ซิมป์สัน สาวสามัญชนอเมริกัน แต่งงานแล้วสองครั้งยังไม่หย่าผัว แล้วมาอินเลิฟกับ เจ้าชายแห่งเวลส์ หรือภายหลังได้ขึ้นเป็นกษัตรย์แห่งอังกฤษ คิงเอ็ดเวิร์ด ที่ 8 เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงซึ่งเป็นเจ้าชายเพลย์บอยรูปหล่อหุ่นนักกีฬา เพอร์เฟคทุกอย่าง แต่สาววอลลิสนั้น หน้าตาธรรมดา แถมยังมีผัวแล้ว เธอมีอะไรดี อยากรู้มั้ย ? ( ต้องไปถามคิงเอ็ดเวิร์ดเองนะ ) สุดท้ายตามประวัติศาสตร์อย่างที่เรารู้กัน เอ่อ ผมหมายถึงถ้าคุณเคยอ่านประวัติศาสตร์มาบ้างอ่ะนะครับ หรืออย่างน้อยเคยดูหนัง King's Speech ตัวละครนี้ก็นำแสดงโดย กาย เพียรซ แห่ง memento นั่นเอง คนที่เป็นพี่ชายของคิงจอร์จ 6 คนที่ติดอ่างนั่นแหละ !! เอ็ดเวิร์ด ก็เลือกที่สละราชสมบัติเพื่อมาแต่งงานกับหญิงสาวคนรัก เพราะตามกฏมณเฑียรบาล หรือรัฐธรรมนูญอังกฤษสมัยนั้นเค้าห้ามกษัตรย์แต่งกับสามัญชนต่างชาติ ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องการเมืองนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าอยากแต่งกะใครก็ได้ ต้องได้รับการยอมรับจากสภา จากราชวงศ์ จากอะไรต่อมิอะไรมากมาย เป็นคุณล่ะจะกล้าทิ้งทุกอย่างใหม
................. หนังไม่ได้สร้างจากเรื่องจริงนะครับ เพียงแค่ใช้ตัวละครที่มีชีวิตจริงในประวัติศาสตร์เข้ามาผสมผสาน โดยใช้มุมมองจากคนคู่นี้ซึ่งเป็นเหมือนผู้ร้ายในสายตาชาวโลก แน่นอนว่าผู้แพ้ย่อมไม่ได้เขียนประวัติศาสตร์ เรื่องเล่ามาจากอีกฝั่งซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามโดยที่คู่กรณีไม่ได้มีโอกาสแม้แต่แก้ตัว ก็ไม่ต่างจากผู้แพ้สงครามนั่นแหละครับ ใครจะรู้ว่าเรื่องจริงมีอะไรบ้าง อะไรที่โดนใส่ไข่มาแล้วมั่ง ทว่าอย่างไรก็ดีคนคู่นี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งผมเคยอ่านมาแล้วก็อยากเห็นตัวละครโลดแล่นในจอเงิน สุดท้ายก็ได้เห็น ดีใจครับ เป็นการถ่ายทอดตีความในอีกด้านที่น่าสนใจ แต่หนังไม่ได้โฟกัสที่ วอลลิส เอ็ดเวิร์ดอย่างเดียว หนังเล่าถึงตัวละครผัวเมียสองคู่ คู่นึงคือ เอ็ดเวิร์ด วอลลิส อีกคู่ก็คือ วอลลี่ กะวิลเลียม ซึ่งมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน โดยสังเกตุว่าชื่อทั้งคู่พ้องกันโดยความหมายและเรื่องราว หนังเล่าย้อนสลับไปสลับมาระหว่างนางเอกวอลลี่ ซึ่งหลงใหลในความรักแบบเทพนิยายพาฝันของ วอลลิส / เอ็ดเวิร์ด เป็นอย่างมาก และสุดท้ายสิ่งที่เธอจินตนาการจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ชีวิตคู่ของเธอดีขึ้นหรือเลวลงกันแน่ล่ะครับ
.................มาดอนน่ากำกับหนังเรื่องนี้ได้อย่างวิเศษ ไม่น่าเชื่อว่าเธอทำหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในชีวิต มันถ่ายทอดภาพความลุ่มหลงของมนุษย์และเล่นกับประเด็นละเอียดอ่อนอย่างความเป็นมนุษย์ได้อย่างน่าตะลึง มีตัวละครหลายตัวที่ผูกพันกันอย่างแน่นและหลวม รวมถึงต่างลุ่มหลงในอะไรสักอย่างอย่างรุนแรง หนังใส่ประเด็นที่แรงและเล่าเรื่องยาก แถมยังตัดสลับเหตุการณ์ปัจจุบันกับอดีตบ่อยครั้ง และเล่าเรื่องในแบบไม่เรียงลำดับเหตุการณ์ ซึ่งยากต่อการเรียบเรียบเรื่องราวมากๆแต่ก็เข้าใจง่ายและไหลลื่น แล้วหนังก็ไม่ตัดสินตัวละครแบบผิวเผิน ให้คนดูค่อยๆซึมซับความรู้สึก ความเข้าใจ และอารมณ์ลุ่มหลงของตัวละครอย่างช้าจนทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งสะเทือนใจไปกับเรื่องราว อารมณ์ของคนคู่นึงถ่ายทอดไปยังคนอีกคู่ หนังไม่พยายามเร้าอารมณ์ ไม่ฟูมฟาย ไม่ใส่ความโรแมนติกลงไปเกินพิกัด ค่อยๆจับอารมณ์ จับฟีลลิ่งไปช้าๆ เหมือนยังกะคนทำหนังอาร์ตด้วยซ้ำ โดยมีงานโปรดักชั่นดีไซน์เนี๊ยบๆงานอาร์ตไดของหนังส่งเสริม หนังน่าได้ชิงออสการ์มากกว่าสาขาคอสตูม เพราะมันทำดีไปหมด รวมถึงสกอร์ซาวน์แทรคก็สุดๆ น่าเสียดายถ้าจะพลาดดูหนังดีๆไปเพียงเพราะว่ามันกำกับโดยป๊อปสตาร์อย่างมาดอนน่าครับ
ฟังซาวน์แทรคหวานๆจากหนัง
http://th-th.facebook.com/pages/Sweet-Soundtrack-s-lover/259904340708159
