
การติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
รายละเอียด
คดีที่ 1 เมื่อปี 2551 (4 ปีที่แล้ว) มีการพูดคุยผ่านเว็ปหาเพื่อนหลังจากนั้นคนร้ายนัดพบ
สถานที่ก่อเหตุ ร้านอินเตอร์เน็คคาเฟ่ ย่าน ม.หอการค้าไทย
เจ้าทุกข์ไม่แจ้งความ เพราะอาย และคิดว่าการแจ้งความไม่ช่วยอะไร
เนื่องจาก ตำรวจก็ไม่ตามเรื่องให้อยู่ดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท
คดีที่ 2 ประมาณวันที่ 23-24 กันยายา 2554 เจ้าทุกข์ประกาศขายกล้อง คนร้ายติดต่อทำทีขอซื้อกล้อง
นัดซื้อขายกันที่โรบินสันบางรัก หลังจากนั้นใช้กลอุบาย ขโมยกระเป๋าใส่กล้องไป
แจ้งความที่ สน.ยานนาวา แต่สุดท้ายเรื่องเงียบได้แค่ใบบึนทึกประจำวันกลับบ้าน
เธอไม่บอกคนที่บ้าน และคนรู้จัก เพราะเธออาย ที่เธอถูกหลอก และว่าตัวเองว่า โง่ มูลค่าความเสียหาย 25,000 บาท
คดีที่ 3 วันที่ 30 กันยายน 2554 เกิดเหตุหลังจาก คดีที่ 2 เพียง 1 สัปดาห์
ก่อเหตุหน้า 7-11 สาขารถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ฝั่งลงจากสะพานตากสิน คนร้ายหลอกเหยื่อว่าโรคหัวใจกำเริบต้องการทานของร้อนๆ เช่นโจ๊ก และต้องการผ้าเย็นกับน้ำหวาน
จะทำให้อาการดีขึ้นเจ้าทุกข์ตกใจรีบลงจากรถไปซื้อ เมื่อเลือกของเสร็จนึกได้ว่ากระเป๋าและทรัพย์สินต่างๆ อยู่บนรถออกมาพบว่า
คนร้ายได้หลบหนีไปพร้อมแท๊กซี่คันดังกล่าว และไปกดเงินที่ ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลุมพินี
เจ้าทุกข์แจ้งความวันที่ 1 ตุลาคม ปี 54 เกิดเหตุในพื้นที่ สน.ยานนาวา (สน.เดียวกับคดีที่ 2)
ตำรวจลงบันทึกประจำวันแล้วกลับบ้าน เธอไม่บอกกับคนที่บ้าน และคนรู้จัก เพราะเธออาย ที่เธอถูกหลอก และว่าตัวเองว่า โง่ เช่นกัน ความเสียหาย ประมาณ 15,000 บาท
คดีที่ 4 เกิดเหตุแถวอุดมสุข พื้นที่รับผิดชอบ สน.บางนา วันที่ 25 เม.ย. 55
คนร้ายโพสข้อความบนเว็ปไซท์พันทิปว่าอยากฆ่าตัวตาย และระบุให้เจ้าทุกข์โทรไปหา หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น คนร้ายโทรมาปลุก ชวนไปทำบุญ และอ้างว่าเป็นลูกนายเสนาะ เทียนทอง
ใช้อุบายหลอกเอาทรัพย์สินไปทั้งหมด
เจ้าทุกข์แจ้งความดำเนินคดี และรวบรวมหลักฐาน เจ้าหน้าที่รับเป็นคดี เลขที่ 729/55 ข้อ 2 เวลา 14.45 น. วันที่ 30 เม.ย.55 มูลค่าความเสียหายประมาณ 50,000 บาท
คดีที่ 5 เกิดเหตุพื้นที่ สน.พญาไท
คนร้ายนับพบเหยื่อที่ตึกใบหยก ออกอุบาย ต่างๆ อ้างเป็นลูก นายเสนาะ เทียนทอง และขโมยทรัพย์สินรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 65,000 บาท
กรณีนี้เจ้าทุกข์แจ้งว่าถูกมอมยา จึงเกิดอาการง่วงน ซึม เบลอ
ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ตำรวจด่าว่าทำไมโง่ให้เขาไปได้ยังไง
เรื่องนี้เธอก็เลือกที่จะไม่บอกที่บ้านและคนรอบข้างเช่นกัน
คดีที่ 6 เกิดเหตุช่วงเดือนมีนาคม ปี 54 ณ ห้างเดอะมอลล์บางแค
คนร้าย ขโมยไอโฟน ที่เพิ่งซื้อมาได้เพียงเดือนกว่าๆ จากเจ้าทุกข์ไป โดยมีการวางแผนที่แยบยล
เจ้าทุกข์ไปแจ้งความ ตำรวจเขียนบึนทึกประจำวันพร้อมบอกว่า ตามยาก ไม่ได้คืนหรอกให้ทำใจ มูลค่าความเสียหาย 25,000 บาท
**************** คดีที่ 7 เกิดเหตุย่าน รางน้ำ
เจ้าทุกข์ประกาศขายกล้องผ่านเว็ปไซท์ thaisecondhand.com เพราะต้องการเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยอยู่
คนร้ายติดต่อขอซื้อกล้อง และออกอุบายให้ขึ้นแท๊กซี่ไปด้วยเพราะเงินสดที่ติดตัวมาไม่พอ ระหว่างนั้นคนร้ายหาจังหวะซื้อน้ำมาให้ดื่ม เมื่อเจ้าทุกข์รู้ตัวอีกครั้ง อยู่ในสภาพไร้เสื้อผ้า และอยู่ในโรงแรมแถวรางน้ำ
เธอแจ้งว่าถูกมอมยา ซึ่งเป็นผลให้เธอถูกข่มขืนในที่สุด เจ้าทุกข์ไม่ได้แจ้งความเนื่องจากอับอาย และที่น่าเสียใจไปกว่านั้นคือ คุณแม่จากเธอไปแล้ว
มูลค่าความเสียหาย ประเมินค่าไม่ได้*****************
คดีที่ 8
เพื่อนของเจ้าของร้านมือถือที่อิมพีเรียลสำโรง ส่งภาพมาโดยเล่าว่า เหตุการณ์เกิดช่วงเดือน เมษายน คนร้ายทำทีพาเจ้าทุกข์มาอัพเฟิร์มแวร์ (Iphone 4 มีเอสหรือเปล่าไม่แน่ใจ) หลังจากนั้นหาทางชิ่งจากเจ้าทุกข์และพยายามมาเอามือถือที่ร้านไป ทางร้านทำทีจะไม่ให้เพราะไม่เห็นผู้หญิงเจ้าของเครื่องมาด้วย คนร้ายจึงดึงโทรศัพท์ออกจากสายlike เองและรีบหลบหนีไป หลังจากนั้น ประมาณ 1 นาที เจ้าทุกข์ก็ตามมาที่ร้าน เธอพบว่าโทรศัพท์ของเธอถูกขโมยไปแล้ว
คดีที่ 9 เกิดเหตุช่วยงน้ำท่วม (เดือน 11 ปี 54 )
เกิดเหตุพื้นที่ สน. ปทุมวัน
คนร้ายออกอุบายชวนเจ้าทุกข์ไปทำบุญกับครอบครัวแต่เนื่องจากเป็นเวลาเช้ามากประกอบกับเจ้าทุกข์บ้านอยู่ไกล จึงออกอุบายทำตัวเป็นคนดีเปิดห้องที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส (ข้างมาบุญครองให้) แต่ให้เจ้าทุกข์ยื่นเอกสารเปิดห้องเอง โดยอ้างว่า เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ว่าจะไม่ค้างอยู่ด้วย แต่ยืนยันจะออกเงินค่าใช้จ่าย(ค่าห้อง)ให้ หลังจากเปิดห้องพักเสร็จคนร้ายทำทีจะไปซื้อของ โดยได้เรียกแท๊กซี่ (คาดว่าเป็นขบวนการเดียวกันเพราะเจ้าทุกข์ลงมาทีหลัง เห็นแท๊กซี่จอดรออยู่ก่อนพร้อมคนร้ายแล้ว) หลังจากนั้นคนร้ายออกอุบาย ว่าเป็นโรคหัวใจ มีขึ้นรถได้ครู่เดียวก็แสดงอาการว่าโรคหัวใจกำเริบ ต้องการโจ๊ก เยลลี่ และผ้าเย็น เมื่อเจ้าทุกข์ลงจากรถไปซื้อของ คนร้ายหลบหนีไป (วิธีการหลบหนีเหมือนดีที่ 2 )
***มูลค่าความเสียหาย กว่า 100,000 บาท***
เราขอบอกว่าทุกคดี ทุกเจ้าทุกข์ บอกว่ายินดีให้ความร่วมมือ แต่ขอไม่ออกมาเผชิญหน้ากับผู้คน พวกเธอยินดีให้การช่วยเหลือเราอยู่ด้านหลัง เพราะพวกเธออาย และ อย่างที่ด้านบนเขียนไปแล้วคะว่า เจ้าทุกข์ส่วนมาก ไม่ได้บอกทางบ้านด้วยซ้ำ เราขอขอบคุณเจ้าทุกข์ทุกท่านที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของตัวเอง เพื่อเป็นประโยชน์แก่สังคม และเป็นประโยชน์ต่อการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
http://www.facebook.com/omehunter