ซีพีเอฟ โชว์โรงงานแปรรูปไส้กรอกทันสมัยด้วยเทคโยโลยีระดับโลก ตอกย้ำไส้กรอกตรา “CP” อาหารปลอดภัย คุณภาพสูง ครองตำแหน่งแชมป์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค วันนี้ (18-04-56) นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านธุรกิจอาหารสำเร็จรูป
และนายวิทวัส ตันติเวสส รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดโรงงานแปรรูปไส้กรอกทันสมัยด้วยเทคโยโลยีระดับโลกแห่งแรกใน
ภูมิภาคเอเซีย โชว์กระบวนการผลิตสินค้าประเภทไส้กรอกตรา ซีพี ที่มีการพัฒนาขั้นตอนการผลิตอย่างต่อ
เนื่องจนประสบความสำเร็จ ด้วยการดำเนินสายการผลิตอัตโนมัติแบบต่อเนื่องตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงการจัด
เก็บ (Completely Automation Line) ที่โรงงานอาหารสำเร็จรูปหนองจอก
นายสุขวัฒน์ เปิดเผยว่า กระบวนการผลิตไส้กรอกของบริษัทฯเริ่มจากการตัดเลือกวัตถุดิบ เนื้อสัตว์
คุณภาพดีจากฟาร์มของซีพีเอฟ ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งผลิต ผ่านการตัด
แต่งจากโรงงาน
แปรรูปเนื้อสัตว์ของซีพีเอฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการส่งออก เก็บรักษาและขนส่งมาถึงโรงงานผลิต
ไส้กรอกโดยการควบคุมอุณหภูมิเย็น เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ที่สด สะอาดและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการ
เลือกใช้ส่วนผสมเฉพาะจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานทั่วโลกเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพดี รสชาติอร่อย มี
ความเป็นเอกลักษณ์ เป็นไปตามข้อกำหนดและกฎหมาย ทั้งยังผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดก่อน
รับเข้าสู่กระบวนการผลิต
ภายใต้กระบวนการผลิตที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีระดับโลก มีการออกแบบให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
ในทุกขั้นตอนการผลิตเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการรับวัตถุดิบจนถึงการขนส่งถึงมือลูกค้า ทำให้มั่นใจได้ถึงความสด
สะอาด ปลอดภัยของไส้กรอกตราซีพี
นายสุขวัฒน์ กล่าวด้วยว่า โรงงานแห่งนี้ใช้งบลงทุนทั้งโครงการ 1,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 1,100
ล้านบาท เป็นการลงทุนเครื่องจักร อาคารผลิตไส้กรอก คลังวัตถุดิบ และคลังจัดเก็บสินค้า นอกจากนั้น
จะเป็นอาคารประกอบ บ่อบำบัดและโรงงานพลังงานความร้อนร่วมมูลค่า 400 ล้านบาท โดยมีการกำลัง
การผลิตรวมที่ 5,000 ตันต่อเดือน
“บริษัทยังให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ปลอดภัย โดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก
ด้วยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดเทอร์โมฟอร์มแบบฟิล์มหลายชั้น (Muti-layer thermoforming
film) ซึ่งสามารถรักษาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ ร่วมกับการบรรจุอัตโนมัติเพื่อช่วยลดการปนเปื้อน
ระหว่างการบรรจุ ทำให้อายุการเก็บของผลิตภัณฑ์นานขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภคเพราะ
สามารถอุ่นรับประทานได้อย่างปลอดภัยด้วยเตาไมโครเวฟ” นายสุขวัฒน์ กล่าวและว่า
ผลิตภัณฑ์ตราซีพี เป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐานอาหารปลอดภัยและคุณภาพสูง โดยได้ทำการเลือกสรรวัตถุดิบ
คุณภาพ และทำการผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับโลกผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าอาหารสากลหลายสถาบัน
ทั้งในสหรัฐ, สหภาพยุโรปและเอเซีย ซึ่งนับเป็นเครื่องยืนยันด้านคุณภาพการผลิตสินค้าที่ได้รับการยอมรับ
ในระดับสากล
สำหรับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกของบริษัทฯ ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น มาตรฐานระบบคุณภาพและความ
ปลอดภัยในอาหารของสหภาพยุโรป (The British Retail Consortium หรือ BRC), HACCP,
ISO 9001, ISO 14001, ISO 18000
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และร่วมกัน
อนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน โดยเน้นให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการนำเสนอและแสดงความคิดเห็น ก่อให้
เกิดโครงการด้านการประหยัดพลังงาน ที่ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิต รวมถึงลดการปล่อย CO2 ที่
ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Co-generation)
โครงการ Water Recycle โครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียขนาด 3,000 ลบ.ม. และระบบการ
ผลิตก๊าซชีวภาพ (BIO GAS)
ด้านนายวิทวัส กล่าวว่า ตลาดรวมของผลิตภัณฑ์ไส้กรอกในเมืองไทยปัจจุบันนี้มีมูลค่ารวมประมาณ
40,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 10% ต่อปี โดยมูลค่าดังกล่าวแบ่งเป็น ตลาดไส้กรอก
ระดับเอ ระดับราคาระหว่าง 220-230 บาทต่อกิโลกรัม มีสัดส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดประมาณ 50%
ส่วนอีก 50% เป็นตลาดไส้กรอกระดับบี ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 120-130 บาทต่อกิโลกรัม และ
กลุ่มระดับซี ราคาประมาณ 80 บาทต่อกิโลกรัม
บริษัทฯ มีแผนที่จะรุกตลาดผลิตภัณฑ์ไส้กรอกโดยแบรนด์ซีพี เพื่อเน้นเจาะกลุ่มตลาดบน และแบรนด์
บีเคพีเจาะตลาดกลุ่มบี โดยวางเป้าหมายว่าในปีนี้ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกของบริษัทฯ ทั้งแบรนด์ซีพีและบีเคพีจะ
มีการเติบโต 30% และคาดว่าส่วนแบ่งตลาดโดยรวมทั้งสองแบรนด์ของบริษัทจะมีประมาณ 25% เพิ่มขึ้น
จากปีที่แล้วที่มีส่วนแบ่ง 20% โดยจะมีมูลค่าส่วนแบงการตลาดประมาณ 8,000 ล้านบาท ถือเป็นผู้นำใน
ตลาดรวมไส้กรอก (จากมูลค่าตลาดรวม 40,000 ล้านบาท) สำหรับแผนการตลาดของบริษัทฯในอีก 3
ปีจากนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 35% ของตลาดรวมไส้กรอก.