วงเสวนาชี้ ทางออกประเทศไทยคือ ต้องดึงฟืนออกจากกองไฟด้วยการหันหน้าพูดคุยกัน 
“ เราจะเข้ามาแก้ไข แต่ไม่แก้แค้น ” เป็นคำพูดที่ยืนยันเจตนาของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้อย่างชัดเจน แม้ในปัจจุบันจากเหตุการณ์ต่างๆในบ้านเมือง จะมีการนำคำพูดนี้ไปแปลความกันไปต่างๆนานา แต่จุดยืนนี้ ยังคงแน่วแน่และมั่นคง เพื่อเป็นการยืนยันกับประชาชนทั้งประเทศว่าการเก็บงำความเครียดแค้น ชิงชัง ทะเลาะกันเองในประเทศนั้น ไม่มีประโยชน์กับใคร ทุกฝ่ายจึงควรหันหน้ามาปรองดองและคุยกัน หาทางออกให้ประเทศไทยกันอย่างฉันท์มิตร การยอมถอนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมทุกฉบับออกจากสภานั้น ยังไม่สามารถสร้างความพอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้ แม้กระทั่งคำพิพากษาของศาลโลกต่อคดีปราสาทพระวิหาร ก็ยังไม่สามารถทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม แต่กลับมีการยกระดับเพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการ
เลือกตั้ง เมื่อเรื่องต่างๆมารวมกัน ในระยะเวลาที่สุกงอมเช่นนี้ จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้ามาพูดคุย
ใน
งานเสวนา “ประเทศไทยไปทางไหน?” เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 ณ โรงแรม Miracle Grand ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากกลุ่มสตรีและภาคเอกชนเป็นอย่างมาก โดยวิทยากรผู้เข้าร่วมการเสวนาครั้งนี้มีทั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการด้านกฎหมาย และดร.วิโชติ วัณโณ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยเนื้อหาหลักของการเสวนานั้น แสดงให้เห็นการร่วมกันหาทางออกของประเทศไทย ณ เวลานี้ได้อย่างชัดเจน