ใครที่เป็นมือใหม่ กำลังจะไปสัมภาษณ์งานครั้งแรก อาจจะเกิดอาการมึนงง ว่าต้องเตรียมตัวยังไง ต้องหาข้อมูลอะไรไปบ้าง วันนี้เรามีวิธีเตรียมตัวสัมภาษณ์งานครั้งแรก สำหรับเหล่า Newbie มาฝากกันคะ
และแล้ว... เราก็จะได้ไปสัมภาษณ์งานซักที ! เย่ !
หลังจากที่รอมานานแสนนาน ในที่สุดก็มีบริษัทที่มองเห็นศักยภาพของเราซักที นี่แปลว่า resume ที่เราเขียนไปโฆษณาตัวเองได้ดีทีเดียว แต่จะทำยังไงดีละ ก็เราไม่เคยไปสัมภาษณ์งานกับเขาเลย T.T
วันนี้ JobJibJib จะเปิดคัมภีร์ลับ เสนอเคล็ดไม่ลับของการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์งานครั้งแรก
1. เช็ครูปแบบการสัมภาษณ์
ถ้าหาก HR ไม่ได้แจ้งให้พยายามถามกลับไป หรือหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต เพื่อน หรือรุ่นพี่ ว่าการสอบสัมภาษณ์ครั้งนี้จะเป็นในรูปแบบไหน เช่น จะมีการสอบวัดผลหรือเปล่า, จะต้องมีการ presentation หรือไม่, จะมี role play ทำบทบาทสมมติ, การสัมภาษณ์กลุ่ม หรือเป็นเพียงแค่การพูดคุยเฉย ๆ
อันนี้สำคัญมาก เพราะถ้าหากว่าคนสัมภาษณ์ หรือนายจ้างของเราคาดหวังให้เราไป present งาน แต่เราไม่ได้เตรียมตัวไป ก็จะถือว่าเราไม่ได้เตรียมตัวมาให้ดี และอาจจะทำให้เราอดได้งานก็เป็นได้
2. เช็คให้ดีว่า เราจะได้สัมภาษณ์กับใคร
โดยปกติแล้ว HR จะแจ้งให้เราทราบถึงรายละเอียดการสัมภาษณ์ในเรื่องของ วัน เวลา สถานที่ และจะแจ้งด้วยว่า ใครเป็นผู้สัมภาษณ์ แต่ถ้าหาก HR ไม่ได้แจ้ง เราจะต้องถามกลับไป หรือหาข้อมูลจากแหล่งอื่น ว่าใครกันหนอ ที่จะเป็นคนสัมภาษณ์เรา อย่าคิดสุ่มไปเอง เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะได้สัมภาษณ์กับหัวหน้าตรงของเรา
ในบางกรณีเราอาจจะต้องสัมภาษณ์กับ HR ก่อนที่เราจะได้ไปสัมภาษณ์กับหัวหน้าตรง เพราะฉะนั้นเราควรตรวจสอบไปให้ดีก่อน เพื่อจะได้เตรียมตัวให้ถูกต้อง อย่าลืมว่ายังมีบางกรณีที่อาจจะมีผู้สัมภาษณ์มากกว่า 1 คน ถ้าหากเราตรวจสอบข้อมูลตรงนี้ให้ดีก่อน จะช่วยให้เรามั่นใจได้มากขึ้น ลองนึกภาพว่าถ้าวันสัมภาษณ์ เราเปิดประตูเข้าไปพบผู้ใหญ่นั่งเรียงกัน 3 คน ถ้าใจไม่แข็งพอ เราอาจจะขาอ่อนได้เลยทีเดียว
3. สืบประวัติคนที่เราจะสัมภาษณ์งานด้วย
หลังจากที่เราทราบข้อมูลแล้วว่าเราจะได้สัมภาษณ์กับใคร ให้เราเข้าไปสืบประวัติบุคคลท่านนั้นในอินเตอร์เน็ต ซึ่งอาจจะลิ้งเข้าไปในหน้าข่าวต่าง ๆ, LinkedIn Profile, Facebook หรือ Blog ต่าง ๆ
ข้อมูลที่เราหามาได้จะเป็นประโยชน์ให้กับเราในการสัมภาษณ์งาน ยิ่งเรารู้จักบุคคลท่านนี้มากขึ้น เราก็จะรู้สึกมั่นใจกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเราทราบมาจากแหล่งข่าวว่าผู้จัดการของเรากำลังทำโปรเจคงานต่าง ๆ มากมาย และเมื่อเวลาเราตอบคำถาม เราสามารถยกตัวอย่างโปรเจคเหล่านั้นขึ้นมาได้ ผู้สัมภาษณ์ก็จะรู้สึกว่าเราเตรียมตัวมาดี และได้หาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรณ์ของเรามาได้ดีมาก
นอกจากนี้ ประวัติส่วนตัวบางอย่างที่เราสืบมา เช่นงานอดิเรก, ประวัติการทำงาน และโรงเรียน จะทำให้เราสามารถ connect กับผู้สัมภาษณ์ได้ง่ายขึ้น หากเปรียบเทียบเหมือนเราไปออกเดท ถ้าเราสามารถทำให้คู่เดทของเรารู้สึกสนุก และทำให้เขาอยากรู้จักเรามากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็คือหลักการเดียวกันของการสัมภาษณ์งานที่ดี
4. ทำความเข้าใจ Resume ของคุณ (แต่อย่าท่องจำนะจ่ะ!)
Resume เป็นเหมือนคำโฆษณาตัวเองเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องทำความเข้าใจกับมันว่า "จุดขาย" ของเรามีอะไรบ้าง และเราจะขายมันออกมายังไงให้คนสัมภาษณ์อยากจะซื้อเราเข้าไปทำงานในบริษัทของเขา
วิธีการที่ควรปฏิบิติตามอย่างยิ่ง คือกลับไปอ่านเนื้องาน หรือ Job Description แล้วจินตนาการซิว่าถ้าหากเราเป็นคนจ้าง เราอยากได้พนักงานแบบไหน ให้นึกภาพคน ๆ นี้ในหัวของเรา และพยายามจับคู่ว่าเรามีคุณสมบัติอะไรที่นายจ้างคนนี้กำลังมองหาอยู่ สิ่งที่ท้าทายคือ เราจะทำยังไงให้คนสัมภาษณ์เห็นดีเห็นงามกับข้อดีของเราไปด้วย เราก็จะต้องเตรียมตัวให้ดี มองหาวิธีการนำเสนอ และพยายามยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า ทำไมเราถึงเหมาะกับงานนี้ และทำไมต้องเป็น "เรา" เท่านั้น จะเป็นคนอื่นไม่ได้ นั่นหมายความว่าเราจะต้องมีอะไรที่ไม่ใช่แค่ดี แต่ต้องดีกว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ ของเรา
ถ้าหากเราเข้าใจ Resume และดึงจุดขายของเราออกมานำเสนอได้อย่างชัดเจน หากจุดขายนี้ตรงใจกับคนซื้อ งานนี้ต้องเป็นของเราแน่นอน
5. เตรียมคำถาม BASIC เพื่อสร้างความมั่นใจ
มันจะมีคำถามหลัก ๆ ที่หลาย ๆ มักพูดถึงเกี่ยวกับการสัมภาษณ์งาน ให้เราลองลิสต์คำถามพวกนี้ในกระดาษ และไล่คำตอบออกมาเป็นข้อ ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการตอบคำถามของเรา ถ้าหากอยากได้แนวคิดใหม่ ๆ ก็ลอง search หาใน Google หรือถามจากเพื่อน รุ่นพี่ คนในครอบครัวเอาก็ได้
คำถาม BASIC ที่พูดถึงนี้ อาจจะเป็นทำนองว่า
ทำไมอยากทำงานตำแหน่งนี้ ? คิดว่างานตำแหน่งนี้ทำอะไรบ้าง ?
อะไรเป็นจุดเด่น จุดด้อยของคุณ ?
คุณมองภาพตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้ายังไง ?
ใน resume คุณบอกว่าคุณได้ทำโปรเจคนี้ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าคุณทำอะไรบ้าง?
6. อย่าลืมเตรียมคำถามเอาไว้ถามก่อนจบการสัมภาษณ์
ตลอดการสัมภาษณ์งาน เราจะเป็นคนตอบคำถาม แต่ผู้สัมภาษณ์งานจะเปิดโอกาสตอนท้ายให้เราถามคำถามที่เราสงสัยระหว่างการพูดคุยกัน ซึ่งโดยปกติแล้วเราก็จะไม่ได้มีอะไรสงสัยหัวใจของเราหรอก แต่พอคนสัมภาษณ์ถามว่า "มีอะไรจะถามไหม" ถ้าเราบอก "ไม่มี" มันก็จะดูไม่เอาการเอางานซักเท่าไหร่
เพื่อตัดปัญหานี้ออกไป เราก็ต้องเตรียมคำถามนี้เอาไว้ก่อนเลยสัก 2-3 ข้อ ถือว่ากันพลาด! หากเพื่อน ๆ คิดไม่ออก ลองเอาคำถามข้างล่างนี้ไปปรับใช้ดู
ทางบริษัทนี้มีนโยบาย เรื่องการฝึกอบรมพนักงานอย่างไรบ้าง ?
คุณผู้จัดการมองภาพการเติบโตของบริษัทในอีก 3-5 ปีข้างหน้าอย่างไร ?
บริษัทนี้มีวัฒนธรรมการทำงาน (work culture) แบบไหน ?
7. เตรียม E-Mail ขอบคุณ
ถือว่าเป็นมารยาทเลยก็ว่าได้ สำหรับการส่ง E-Mail เพื่อขอบคุณคนที่สัมภาษณ์งานเรา แต่จริง ๆ แล้ววัตถุประสงค์แอบแฝง คือเราต้องการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และตั้งใจที่อยากจะเข้าทำงานในตำแหน่งนี้ โดยเนื้อความในจดหมาย E-Mail ควรจะคลอบคลุมข้อมูลหลัก ๆ ดังนี้
ขอบคุณสำหรับเวลา และโอกาสในการสัมภาษณ์งานครั้งนี้
ดึงข้อความ หรือเรื่องราวจากการสัมภาษณ์งาน เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทำไมเราถึงเหมาะกับงานตำแหน่งนี้ เช่น ผมคิดว่าประสบการณ์ที่ผมได้รับจากตอนทำโปรเจคที่มหาวิทยาลัย จะทำให้ผมรู้จักคิดวิเคราะห์ตัวงานนี้ได้อย่างดี
ในกรณีที่เราลืมพูดถึงอะไรในระหว่างการสัมภาษณ์ แต่อยากให้แจ้งให้คนสัมภาษณ์ได้รับรู้ ให้เราใส่เข้าไปใน E-Mail ฉบับนี้
ท้ายสุดให้เรากล่าวขอบคุณอีกหนึ่งรอบ และแจ้งว่าเราหวังที่จะได้รับโอกาสในการทำงานตำแหน่งนี้ และหวังว่าจะได้รับการตอบกลับจากบริษัทเร็วที่สุด
จบไปแล้วกับ 7 ข้อในการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานครั้งแรก for Newbie อาจจะยาวไปสักหน่อย แต่หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับชาว JobJibJib ได้ไม่น้อย วันนี้ลาไปก่อน Good Luck!
หากใครสนใจเคล็ดลับอื่น ๆ เกี่ยวกับการ
หางาน สามารถอ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ - www.job-jibjib.com (คอมมูนิตี้ที่จะทำให้เรื่องหางานเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ)