ขอแสดงความคิดเห็น ตามประสาคนที่ย่างเข้าสู่วัย 25
เรื่องการเมืองนะ ผมคิดว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์และอำนาจ
ซึ่งแต่ละประเทศ ไม่มีประเทศใดสมบูรณ์แบบ จะขาดๆ เกินๆ
ความสงบในประเทศใดๆ ก็ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะของพลเมืองประเทศนั้นๆ
ว่าจะยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของการเมือง การอำนาจแบบขาดๆเกินๆ
ได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ายอมรับได้มาก ความขัดแย้งก็น้อย ถ้ายอมรับได้น้อย
ความขัดแย้งก็มาก
ประชาชนส่วนหนึ่ง อาจตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองการอำนาจของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
จึงมององศาด้านที่กลุ่มตนเองเห็นด้วย องศาที่ม่เห็นด้วยก็จะค้านตลอด
อันนี้เขาว่าหน้ามืดตามัว ไม่รู้จักแยกแยะ
อาจเป็นเพราะวุฒิภาวะทางความคิดยังมองไม่ออก 360 องศา
อาจจะมององศาด้านตัวเอง ไม่ได้มององศาอื่นๆ
ที่ผ่านมาผมเป็นคนหนึ่งที่วุฒิภาวะส่วนนี้ยังน้อย
การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองจึงออกมาแบบไม่เข้าท่า
การเมือง การอำนาจ มีอะไรซ่อนอยู่เยอะ ยึดโยงเยอะ
ถ้าใครดูข้อมูลตามสื่อ แล้วคิดว่าเพียงพอ แล้วเอามาตัดสินใจ
ผมคิดว่า ข้อมูลตามสื่อเป็นเพียงข้อมูลที่เป็นเสี้ยวเล็กๆ เป็นเพียงองศาหนึ่ง
ผมคิดว่าการตัดสินใจ โดยใช้หลักการ ซึ่งมีอยู่หลายหลัก เช่น หลักศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู
ซึ่งเป็นหลักที่ดี ให้รู้จักแยกแยะดี ไม่ดี ไม่ทำร้ายคนอื่น
(การทำร้ายคนอื่นนั้น ไม่ใช่หลักที่ดีแน่นอน เป็นหลักที่อุปโหลกขึ้นมาเอง แล้วเอาหลักที่ดีไปอ้างแบบมั่วนิ่ม ผู้ไม่มีปัญญาเท่านั้นที่แยกไม่ออก)
หลักศาสนามีคำสอนคำแนะนำให้แก้ปัญหาได้ดีมาก แนะนำให้นำไปใช้ให้เหมาะสม
ที่ผ่านมาผมไม่เคยไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองเลยเพราะคิดว่า
ถ้าเราหยุดไปหนึ่งคน ก็ไม่วุ่นวายไปหนึ่งคน เราก็ไม่อยากให้ประเทศเรา
วุ่นวายเน๊าะ อีกอย่างเราก็มีเพื่อนทุกสี รวมทั้งสีขาว
เขาบอกว่า ถ้าอยากรู้เรื่องอะไร ว่าจะเป็นไปอย่างไร
ให้มองอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพราะมันจะยึดโยงกัน
ทุกประเทศก็มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต จะยึดโยงกัน
คนทุกคนก็มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต จะยึดโยงกัน
ประเทศไทยก็มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่ยึดโยงกัน
คนไทยทุกคน ก็มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่ยึดโยงกัน
พลเมือง ชนกลุ่มต่างๆ เชื้อชาติต่างๆ อยู่ในประเทศไทย
ก็มีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่ยึดโยงกัน
การเมืองการปกครองการอำนาจของไทย
หากมองอดีตให้มองไปตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัยเป็นต้นมาท่านก็จะเห็นภาพ
มองสมัยสุโขทัย กรุงศรีฯ กรุงธนฯ กรุงเทพฯ ท่านก็จะเห็นภาพ
ปัจจุบัน และอนาคตต่อไป ก็ย่อมยึดโยงกัน
หลายประเทศก็จะเป็นลักษณะคล้ายกันนี่แหละ
อนาคตเขาจะเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับปัจจุบันและอดีตที่ผ่านมา
หลายคนกล่าวถึงอเมริกากันบ่อย ว่าเป็นดินแดนประชาธิปไตย
ในอดีต อเมริกาก็เคยแบ่งฝ่ายเข่นฆ่ากันมาก่อน ตายเป็นล้านๆ คน
ก็สู้กันอยู่นานเหมือนกันนะ แต่เขามีพัฒนาการทางความคิดที่จะอยู่ร่วมกัน
ในความแต่ต่างทางความคิด ทางออกของเขาคือ(ย่อๆนะ) แบ่งการปกครองเป็นรัฐ
แต่ละรัฐมีกฎหมายของตนเอง ทุกคนใช้ชีวิตตามกฎหมาย
บางรัฐมีกฎหมายว่า ใครเอาเกลือไปโรยที่รางรถไฟ จะมีโทษประหารชีวิต
กฎหมายบางรัฐก็ดูแปลกๆ หลายท่านดูแล้วแปลกใจว่า อเมริกา มีกฎหมายแบบนี้ด้วยหรือ
แต่มันเป็นเรื่องจริง และปชช.ในรัฐก็ยอมรับกฎหมายนี้
อมเริกาแบ่งเป็นรัฐ แต่ละรัฐมีกฎหมายของตนเอง และมีรัฐบาลกลาง
หลายคนบอกว่าเป็นดินแดนประชาธิปไตย
แต่ความจริงที่ผ่านมาจนปัจจุบัน ก็ไม่สมบูรณ์แบบ
ใครที่ตามข่าวต่างๆ ของอเมริกา ก็จะรับรู้ได้
ทั้งเรื่องระดับบุคคล ระดับรัฐ ระดับรัฐบาลกลาง
แต่วุฒติภาะของคนอเมริกันทุกชนเผ่า เขายอมรับความไม่สมบูณณ์แบบนี้ได้
ประเทศเขาจึงสงบ อาจจะมีไม่สงบบ้างก็เล็กน้อยประปราย
อาจเป็นเพราะเขาเคยสู้รบฆ่ากันตายเป็นล้านๆ มาก่อน แล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร
เขาจึงคิดได้และหาทางออกที่จะอยู่ร่วมกันภายใต้ความคิดเล็กๆน้อยๆ หรือมากๆ ที่แตกต่าง
แต่การอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ เป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ประเทศที่เป็นบ้านอยู่อาศัยจึงจะไม่พัง บ้านพังก็ไม่มีที่อยู่
ตัวอย่างเช่น ประเทศแถบตะวันออกกลาง ที่บ้านแตกสาแหรกขาด
เพราะไม่ยอมกัน
ส่วนเรื่องการเมืองการอำนาจระหว่างประเทศ
คำตอบสุดท้าย มันก็คือเรื่องผลประโยชน์ของอเมริกาเอง
ประเทศอื่นๆ ก็จะคล้ายๆ กันนี่แหละ รวมถึงประเทศไทย
ประเทศใดๆ ในโลก ไม่ว่าจะปกครองด้วยระบอบอะไรก็ตาม
อนาคตประเทศจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับคีย์แมนของประเทศนั้นเป็นสำคัญ
และต้องโน้มน้าวให้พลเมืองทุกชนเผ่าคล้อยตามเห็นด้วย
เพื่อให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน
เปรียบเสมือนร่างกายของคนเรา สมองหรือคีย์แมน เป็นสิ่งสำคัญมาก
คนจะจน จะรวย จะลำบาก จะสุขภาพดีหรือเจ็บป่วย จะทำดี ทำไม่ดี ฯลฯ
ก็ขึ้นอยู่กับสมองความคิดนี่แหละ หากสมองดี คีย์แมนดีประมวลแล้วว่า
อดีตเป็นมาอย่างนี้ ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ อนาคตจะต้องก้าวเดินไปอย่างไรจึงจะดี
ต้องทำอย่างไรจึงจะให้พลเมืองทุกชนเผ่าในครอบครัว ในประเทศเห็นด้วย
เพื่อให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน อย่างนี้ ชีวิตก็จะสบายไม่ลำบาก
มีปัญหาก็จะแก้ได้ทันเวลา ชีวีก็จะสุขีสุขขีเอย.....
