เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวว่ามีกลุ่มคนพยายามขอให้ขึ้นทะเบียนบริเวณที่จะสร้างเขื่อนแม่วงก์เป็นมรดกโลก แต่แท้จริงแล้ว บริเวณนั้นเป็นป่าเสื่อมโทรม เคยมีชาวบ้านอยู่ และย้ายชาวบ้านออกมาเพื่อสร้างเขื่อน แต่กลับถูกเตะถ่วงเรื่อยมา ต้นไม้ส่วนมากก็เป็นต้นเล็ก ๆ นำพื้นที่มาสร้างเขื่อนจะคุ้มค่ากว่ามาก เพราะจะทำให้มีน้ำท่าสมบูรณ์สำหรับป่า ป่าไม้รกชัฏ
กระแสการต่อต้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์นั้น พยายามที่จะแจงถึงจุดดีๆ ต่าง ๆ ของการคงสภาพป่าไว้ ไม่ต้องการให้มีการสร้างเขื่อนแม่วงก์ แต่ความจริงเป็นการสร้างภาพเท็จที่ขัดกับความเป็นจริง
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้ลงพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ และบริเวณอื่นหลายครั้งแล้ว เพื่อสำรวจสภาพที่เป็นจริง ได้ข้อมูลที่สาธารณชนอาจไม่ทราบ และได้นำมาเปิดเผยไว้ ดังนี้
1. สภาพป่า บริเวณแก่งลานนกยูง เป็นป่าโปรงที่ฟื้นฟูในห้วงระยะ 5-20 ปีที่ผ่านมา หลังจากความพยายามในการก่อสร้างเขื่อนตั้งแต่ พ.ศ.2525 ไม่บรรลุผล ทั้งนี้แต่เดิมบริเวณดังกล่าวนี้ เคยมีชาวบ้านเผ่ากระเหรี่ยง และชาวไทย อยู่อาศัยอยู่ 200-300 ครัวเรือน ดังนั้นป่าในพื้นที่นี้จึงถูกทำลายไปมาก
2. ไฟป่าเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติและที่สำคัญเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เพื่อจับสัตว์ป่าบ้าง หรือเพื่อให้เกิดเห็ดสดบ้าง กรณีเช่นนี้ทางราชการคงมีข้าราชการหรือลูกจ้างจำกัด ทำให้เกิดไฟไหม้บ่อยครั้ง และเกิดขึ้นต่อเนื่อง
3. การล่าสัตว์ ที่ผ่านมาก็พบการล่าสัตว์บ้าง ซึ่งก็ทำนองเดียวกับไฟป่า ทางราชการจำเป็นต้องมีงบประมาณหรือบุคลากรเพิ่มเติมเพื่อการป้องกันและปราบปรามการล่าสัตว์ ซึ่งเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ และโดยที่มีพื้นน้ำประมาณ 12,000 ไร่ ก็จะช่วยกันพื้นที่ป่าไว้ได้มาก
4. สภาพแก่งลานนกยูงก็มีความสวยงามดี และน่าเสียดายเมื่อกลายเป็นพื้นที่ใต้ท้องเขื่อน อย่างไรก็ตามก็ถือเป็นความจำเป็นในการสร้างเขื่อน และในอนาคตหลังจากสร้างเขื่อนแล้ว ก็อาจเกิดแหล่งท่องเที่ยวสวยงามอีกมาก
5. สำหรับน้ำในแก่งลานนกยูง และแก่งเกาะใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป 5.6 กิโลเมตร ในช่วงหน้าน้ำ ก็มีน้ำ มีปลาอยู่พอสมควร แต่โดยมากมักเป็นปลาขนาดเล็กๆ แต่ในช่วงหน้าแล้ง น้ำลดลงเหลือน้อยมาก โดยเฉพาะบริเวณแก่งเกาะใหญ่ ชาวบ้านสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้เลย
6. นกยูงและสัตว์ต่าง ๆ เช่น เนตรทราย กระจง ไก่ฟ้า กวาง แต่เดิมไม่มีหรือในสมัยโบราณอาจมี แต่หายไปนานแล้ว มาเมื่อ 5 ปีก่อน ทางราชการได้นำมาเลี้ยงไว้ในพื้นที่นี้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชม แรก ๆ อยู่ในกรง แต่ต่อมาก็ปล่อยให้หากินอิสระ และที่แพร่พันธุ์อยู่ในพื้นที่นี้มากที่สุดก็คือนกยูง
7. เรื่องวัฒนธรรมต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นโดยไม่มีพื้นฐานความเป็นจริง เป็นการหลอกใช้ความน่ารัก น่าสงสารของคน สัตว์ สิ่งของมาให้เราหลงเชื่อ การสร้างเขื่อนในหลายที่ อาจต้องโยกย้ายคน หรือชุมชน เช่น ในสมัยสร้างเขื่อนสิริกิติ์
8. เรื่อง***็เป็นเรื่องปั้นแต่ง ที่ผ่านมามักมีข่าวว่าพบเสือในป่าแม่วงก์ เช่นล่าสุดกันยายน 2557 ก็มีข่าว "เสือโคร่งจากกล้องดักถ่ายอัตโนมัติ ณ ผืนป่าแม่วงก์-คลองลาน" โดยในภาพ ***็อยู่บนภูเขาสูง คลองลานเป็นคนละที่ ไม่ใช่ที่ตั้งเขื่อนแม่วงก์แน่นอน จะสังเกตได้ว่าการโกหกสร้างภาพมีเป็นระยะๆ ความจริงคือจุดที่สร้างเขื่อนเป็นชายขอบป่า เสือคงไม่มา
9. พวกค้านเขื่อนแม่วงก์ก็เตะถ่วงยื้อเวลาไปเรื่อย มีการตั้งแง่เสนอให้ไปศึกษาใหม่ไม่จบสิ้น เช่นให้ไปศึกษาทางเลือกพื้นที่อื่น (พ.ศ.2537) ให้ทำประชาพิจารณ์ (พ.ศ.2541) ให้ศึกษาการจัดการลุ่มน้ำ (พ.ศ.2546) เป็นต้น เขื่อนก็ไม่ได้สร้างสักที ต้นไม้ก็เติบโตขึ้นทุกวันเพื่อให้ฝ่ายต้านเขื่อนมีข้ออ้างเพิ่มขึ้นอีก ถ้าสร้างเขื่อนแต่แรกก็คงไม่มีข้ออ้างเรื่องป่านี้
10. อ้างประชาชนไม่เอาเขื่อน ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ 71% ต้องการเขื่อน ที่ไม่ต้องการคงเป็นประชาชนในที่อื่น ยิ่งหากถามชาวไร่ชาวนา จะพบว่าแทบ 100% ต้องการเขื่อน
เขื่อนแม่วงก์จึงจะมีประโยชน์เอนกอนันต์ต่อทั้งสัตว์ป่า ป่าไม้และประชาชนคนเล็กคนน้อย ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน การลงพื้นที่สำรวจข้อมูลโดยไม่ยึดติดกับฉันทาคติที่ต้องการปกป้องผืนป่าโดยไม่อิงกับความจำเป็นที่แท้ อาจไม่ได้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจได้ ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้สนใจจึงควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบหลายด้าน เพื่อไม่ให้ถูกนักต้านเขื่อนลวง
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1705.htm