อาร์ทไพรซ์ เผยรายงานตลาดศิลปะโลกช่วงครึ่งแรกปี 2018 พบดัชนีชี้วัดตลาดเป็นบวกทั้งหมด
ช่วงครึ่งปีแรก 2018: ตลาดศิลปะโดยรวมฟื้นตัวในอัตรา +18%
1. การประมูลงานวิจิตรศิลป์* ทั่วโลก เพิ่มขึ้น 18% รวมเป็นมูลค่า 8.45 พันล้านดอลลาร์
2. ปริมาณการซื้อขายยังคงมีเสถียรภาพ โดยมียอดขาย 262,000 ล็อต เพิ่มขึ้น 2.5% เทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017
3. สหรัฐมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงถึง 48% รวมทั้งสิ้น 3.3 พันล้านดอลลาร์
4. จีน** มีมูลค่าการซื้อขาย 2 พันล้านดอลลาร์ โดยผลงานที่จำหน่ายไม่ได้มีอัตราลดลงก่อนช่วงครึ่งปีหลัง
5. สหราชอาณาจักรมีมูลค่าการประมูลเพิ่มขึ้น 18% เป็น 1.9 พันล้านดอลลาร์ ตามหลังจีนเพียงเล็กน้อย
6. สหภาพยุโรปกำลังมีส่วนสนับสนุนการเติบโต โดยฝรั่งเศสขยายตัว +8%, เยอรมนี +17%, อิตาลี +22%
7. ศิลปะสมัยใหม่เป็นแกนนำการขยายตัวของตลาดงานศิลปะระดับไฮเอนด์ โดยคิดเป็นสัดส่วน 46% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
8. งานศิลปะของโมดิญานีและปิกัสโซ ทำยอดประมูลทะลุหลัก 100 ล้านดอลลาร์
9. Zao Wou-Ki เป็นศิลปินที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของจีนในช่วงครึ่งแรกปี 2018 โดยมียอดขายรวม 155 ล้านดอลลาร์
10. ดัชนีราคาทั่วโลกของศิลปะร่วมสมัยพุ่งขึ้น 27% ซึ่งถือเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของดัชนี S&P 500
* การขายทอดตลาดงานวิจิตรศิลป์ (จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพพิมพ์ ศิลปะจัดวาง)
** ด้วยความร่วมมือกับ Art Market Monitor of Artron (AMMA)
บทสรุปโดยรวม...
ตลาดศิลปะทั่วโลกขยายตัว +18% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 หลังจากที่ขยายตัว +9% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017 และ +32% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2017
(โลโก้: https://mma.prnewswire.com/media/644091/Artprice_Logo.jpg )
ข้อมูลสถิติทั่วโลก
งานวิจิตรศิลป์ถูกประมูลไป +262,000 ชิ้นทั่วโลกในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 8.45 พันล้านดอลลาร์ (รวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ) อาร์ทไพรซ์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านข้อมูลในตลาดศิลปะของโลกมาตั้งแต่ปี 1987 ได้ทำการวิเคราะห์และสรุปผลการขายงานประมูล +3,532 ครั้งทั่วโลกอย่างเป็นระบบ โดยรายงานช่วงครึ่งปีแรกนี้ครอบคลุมการขายทอดตลาดงานวิจิตรศิลป์ (จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพพิมพ์ และ ศิลปะจัดวาง)
อ่านรายงานตลาดศิลปะโลกรอบครึ่งปีแรก 2018 ของอาร์ทไพรซ์ได้ที่:
https://www.artprice.com/artprice-reports/global-art-market-in-h1-2018-by-artprice-com
คุณเธียร์รี เออร์มานน์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอาร์ทไพรซ์ กล่าวว่า
"นับตั้งแต่ปี 2000 ตลาดศิลปะได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในระดับที่สูงมาก โดยสามารถต้านทานทั้งวิกฤติ NASDAQ, ผลพวงของเหตุวินาศกรรม 9/11, สงครามอิรักครั้งที่ 2 ตลอดจนวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจที่เริ่มขึ้นในปี 2007 ที่ส่งผลให้ตลาดศิลปะต้องเผชิญกับภาวะอัตราดอกเบี้ยติดลบ ซึ่งทำให้มูลค่าของเงินออมลดน้อยลง และล่าสุดยังได้เผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมา ตลาดศิลปะสามารถปรับตัวตามความเป็นจริง โดยนอกจากจะสามารถหลีกเลี่ยงการล่มสลายของตลาดท่ามกลางวิกฤติการเงินได้แล้ว ตลาดศิลปะยังเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง โดยที่ไม่สร้างภาวะฟองสบู่จากการเก็งกำไร"
งานศิลปะให้ผลตอบแทนที่ดึงดูดใจมากกว่าการลงทุนอื่น ๆ อีกหลายประเภทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และตลาดศิลปะก็กลายเป็นตลาดที่อิสระ มีสภาพคล่อง และมีประสิทธิภาพในทั่วทุกทวีป
ในบรรดาศิลปินที่มีผลงานถูกประมูลสูงสุด 500 อันดับแรกนั้น จีนครองส่วนแบ่งขนาดใหญ่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และขณะนี้ มีศิลปิน 128 คนที่ติดอันดับศิลปิน 500 อันดับแรกของโลก ซึ่งมากกว่าสหรัฐที่มีศิลปิน 82 คน และสหราชอาณาจักรที่มีศิลปิน 27 คน
ประเทศที่มีมูลค่าการประมูลสูงสุด 10 อันดับแรกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018
ประเทศ – มูลค่าการประมูล – (ส่วนแบ่งตลาด)
อ่านรายงานฉบับเต็ม
ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้องกับตลาดศิลปะจีนนั้น เป็นผลงานความร่วมมือระยะเวลา 7 ปีระหว่างอาร์ทไพรซ์ กับสถาบันของจีน ได้แก่ Artron Group และ AMMA (Art Market Monitor by Artron) ภายใต้การกำกับดูแลโดย หว่าน เจี๋ย
แม้สภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก แต่ตลาดศิลปะทั่วโลกยังคงส่งสัญญาณของการขยายตัวอย่างเฟื่องฟู เนื่องจากเหตุผลต่าง ๆ ประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลด้านการลงทุน การซื้อเก็งกำไร ความหลงใหลในการสะสม และการที่ผลงานศิลปะชิ้นเอกยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากของพิพิธภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั่วโลก
ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตเหล่านี้ต้องอาศัยช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลตลาดศิลปะที่เชื่อถือได้ของอาร์ทไพรซ์ (ผู้บุกเบิกและผู้นำระดับโลกในสาขานี้) และได้รับการสนับสนุนจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องโดยรวม อันได้แก่การรับรู้ที่กำลังแผ่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่า การมีส่วนร่วมในตลาดศิลปะในทุกแง่มุม ซึ่งรวมถึงการขายออนไลน์นั้น สามารถทำได้ผ่านอินเทอร์เน็ต (98% ของผู้เข้าร่วมมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต) การแปลงตลาดศิลปะระดับไฮเอนด์ให้เป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเสถียรภาพและความโปร่งใสของตลาดศิลปะ, การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ที่ซื้องานศิลปะจากราว 500,000 คนหลังปี 1945 เป็นประมาณ 90 ล้านคนในปี 2018, การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของอายุเฉลี่ยของผู้เล่นในตลาด และการขยายตัวเชิงภูมิศาสตร์ของตลาดไปยังเกือบทุกภูมิภาคของเอเชีย แปซิฟิกริม อินเดีย แอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดศิลปะอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ ธุรกิจพิพิธภัณฑ์ยุคใหม่ (มีพิพิธภัณฑ์ใหม่เกิดขึ้น 700 แห่งต่อปี) ซึ่งได้กลายเป็นความจริงทางเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงศตวรรษที่ 21 พิพิธภัณฑ์ที่เปิดระหว่างปี 2000-2014 มีจำนวนมากกว่าในช่วง 2 ศตวรรษก่อน
ด้วยความต้องการงานที่มีคุณภาพไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ ธุรกิจส่วนนี้จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ตลาดศิลปะเติบโตอย่างมาก ปัจจุบัน ตลาดศิลปะมีทั้งการเติบโตและมีสภาพคล่อง โดยให้ผลตอบแทน 10-15% ต่อปีจากชิ้นงานที่มีมูลค่าสูงกว่า 100,000 ดอลลาร์
