
กว่าจะเป็นมหาเศรษฐีดิวตี้ฟรี “วิชัย ศรีวัฒนประภา” เคยกล่าวในนิตยสารดัง ผ่านประสบการณ์ถือหุ้นดิวตี้ฟรีฮ่องกง บุกเบิกร้านค้าปลอดภาษีแบบอินเตอร์ในไทย ครั้งหนึ่งหุ้นส่วนที่ฮ่องกงบีบให้ขายหุ้นทั้งหมด แถมเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล ภาวนาขอพระบารมี “ในหลวง ร.๙” คุ้มครอง จนสู้กับมาเฟียชนะ เปลี่ยนชื่อเป็น “
คิงเพาเวอร์” เพื่อความเป็นสิริมงคลมาถึงปัจจุบันวันนี้ (29 ต.ค.) เว็บไซต์ Praew.com ของนิตยสารแพรว ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ในหัวข้อ “ไขความลับชีวิตของ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ มหาเศรษฐีผู้ให้ เจ้าสัวหัวใจเพชร!" หลังการเสียชีวิตของนายวิชัย เจ้าของธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีคิงเพาเวอร์ และสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ จากเฮลิคอปเตอร์ตกที่บริเวณลานจอดรถสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นในตอนหนึ่ง นายวิชัยกล่าวถึงธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) ว่า เริ่มจากสมัยเรียนที่ไต้หวัน สมัยนั้นไม่มีเที่ยวบินตรง ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ขาบินกลับไทยตอนปิดเทอมต้องมีคนฝากซื้อของจากร้านปลอดภาษีที่ฮ่องกงทุกครั้ง จึงมีความคิดว่าทำไมประเทศไทยไม่มีร้านปลอดภาษีแบบฮ่องกงบ้าง แต่พอทำธุรกิจจริงพบว่าต้องขอสัมปทานจากรัฐบาล และยุคนั้นให้เฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ซึ่งการบินไทยได้ไปจึงไม่ได้คิดต่อระหว่างนั้น นายวิชัยทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากประเทศไทยตั้งกำแพงภาษีสูงมาก จึงใช้วิธีติดต่อกับซัปพลายเออร์ให้จำหน่ายในราคาต่ำ จึงมีสายสัมพันธ์กับเพื่อนที่ฮ่องกง กัมพูชา มาเก๊า จีน วันหนึ่งเพื่อนที่ทำดิวตี้ฟรีที่ฮ่องกงชวนให้ซื้อหุ้น 10% กระทั่งภายใน 2 ปีกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พบว่าการบินไทยไม่ได้ทำจริงจัง แต่ให้สัมปทานกับรายอื่น ส่วนใหญ่เป็นร้านขายของที่ระลึก จึงเสนอการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ทำแบบอินเตอร์ แยกดิวตี้ฟรีกับของที่ระลึก