ถ้าพูดถึงชื่อของสารอาหารที่ร่างกายต้องการและมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายด้านมาก ๆ หลายคนคงจะนึกถึงโอเมก้า กันใช่ไหมหละค่ะ เพราะทุกคนจะรู้ดีว่าในโอเมก้านั้นมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการเป็นจำนวนมากและร่างกายไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้จะได้รับก็ต่อเมื่อทานสารอาหารนั้น ๆ เข้าไป แหละรู้หรือไม่ว่าเจ้าโอก้านั้นมีด้วยกันถึง 3 ชนิด อย่าง
โอเมก้า 3 6 9 แหละแต่ละชนิดก็ล้วนมีความสำคัญต่อร่างกายของเราทั้งนั้น ดังนั้นเราควรที่จะต้องรู้ว่าจะหาอาหารที่มี
โอเมก้า 3 6 9 เหล่านั้นมาทานได้จากอาหารประเภทใดบ้าง ถ้าอยากรู้แล้วเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ประเภทอาหารที่มี
โอเมก้า 3 6 9 1.โอเมก้า 3 อยู่ในอาหารประเภทไหนบ้าง
•ปลาและอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาจาระเม็ดขาว ปลาสวาย ปลาช่อน ปลาดุก
•ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท หรือเมล็ดฟักทอง
•น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันคาโนล่า
ประโยชน์ของโอเมก้า 3
•มีประโยชน์ต่อคนท้อง : DHA มีความสำคัญในการพัฒนาและการทำหน้าที่ของระบบประสาท ระบบสายตา และระบบสมอง ของทารกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด และ 6 เดือนแรกหลังคลอด
•ประโยชน์สำหรับเด็ก : ช่วยพัฒนาการทำ
งานของสมองและจิตใจ เพิ่มสมาธิ ความจำระยะสั้นและ ทักษะในการอ่าน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยปกป้องกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ
2.โอเมก้า 6 อยู่ในอาหารประเภทไหนบ้าง
•น้ำมันพืช ถั่วเหลือง ทานตะวัน อิฟนิ่งพริมโรส คาโนลา รำข้าว, จมูกข้าว น้ำมันรำข้าว และถั่วชนิดต่าง ๆ
•ประโยชน์ของโอเมก้า 6
•มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย การทำงานของสมองและหัวใจ ช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในระดับปกติ
•ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
•มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยลดและชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
•ช่วยให้เลือดแข็งตัวได้ง่ายขึ้น จึงทำให้ร่างกายมีระบบไหลเวียนโลหิตที่สมบูรณ์
3.โอเมก้า 9 อยู่ในอาหารประเภทไหนบ้าง
•น้ำมันมะกอก คาโนลา น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน งา ถั่วพิสตาชิโอ อัลมอนด์ และอะโวคาโด
ประโยชน์ของโอเมก้า 9
•ช่วยในการทำงานของโอเมก้า 3 และ 6 ในการสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์สมองโดยเฉพาะในเด็กทารก
•ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานปกติและมีประสิทธิภาพ
•หัวใจ สมอง ตับ ไต และอวัยวะอื่น ๆ ทำงานได้ดีขึ้น
แต่ถึงการทานอาหารที่มี
โอเมก้า 3 6 9 จะมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากก็จริง แต่ก็ควรรับประทานให้เหมาะสมพอดีกับความต้องการของร่างกาย ไม่ควรที่จะทานมากไปหรือน้อยไป เพราะการทำอะไรที่เกินเลยอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเรา และก็สิ่งสุดท้ายที่สำคัญในการที่จะมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ