นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า SACICT มีภารกิจสำคัญในการอนุรักษ์ ส่งเสริมให้เกิดการสืบสาน และต่อยอดภูมิปัญญา
งานศิลปหัตถกรรมไทยมาตลอดระยะเวลา 16 ปี ของการดำเนินงาน SACICT ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้ทางและสร้างโอกาสให้แก่ผู้ทำงานศิลปหัตถกรรม เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและขยายตลาดผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้อย่างกว้างขวาง
ในรอบปีที่ผ่านมา SACICT ได้ดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์
"หัตถศิลป์ของชีวิตปัจจุบัน" หรือ Today Life's Crafts เพื่อสร้างการรับรู้ในคุณค่าความงามของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยว่าสามารถประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปัจจุบันได้เสมอ โดยให้ความสำคัญต่อการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ การเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ผู้ทำงานหัตถศิลป์ การพัฒนางานศิลปหัตถกรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์ให้มีความร่วมสมัย เหมาะสมกับการใช้งาน และสร้างความนิยมและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงงานศิลปหัตถกรรม เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด

SACICT ยังให้ความสำคัญต่อการรวบรวมและจัดทำองค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรมไทยที่ใกล้สูญหาย ซึ่งเป็นการจัดทำองค์ความรู้ประเภทงานศิลปหัตถกรรมที่สะท้อนคุณค่า แสดงถึงซึ่งภูมิปัญญาทั้งศาสตร์และศิลป์เชิงช่างนับจากในอดีตกาลที่สูญหายหรือที่ใกล้จะสูญหาย โดยบันทึกข้อมูลไว้ในรูปแบบเอกสารจัดเก็บ (Archive) เป็นองค์ความรู้เชิงประจักษ์ เพื่อเก็บรักษาภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมเหล่านี้ไว้เป็นสมบัติอันมีค่าของชาติ ไม่ให้สูญหายสิ้นไปตามกาลเวลา ตลอดจนเพื่อการนำมาถ่ายทอด และเผยแพร่ ให้เกิดการรับรู้ในคุณค่า ผ่านการดำเนินกิจกรรมร่วมกับผู้มีทักษะฝีมือเชิงช่าง อันจะเป็นแนวทางนำไปสู่การสืบสาน และพัฒนาต่อยอดต่อไป ซึ่งประเภทงานศิลปหัตถกรรมใกล้สูญหาย ที่อยู่ในแผนดำเนินงานอนุรักษ์ และเผยแพร่ให้เกิดการรับรู้ในปี 2563 มีกว่า 40 ประเภทงาน อาทิ งานคร่ำโบราณ งานเครื่องทองลงหิน ตอกหนังใหญ่ จักสานทองเหลือง เครื่องประดับมุก ผ้ายกพุมเรียง ผ้าจวนตานี ผ้าปะลางิง งานเครื่อง ลงยาสี แทงหยวก ปูนปั้นสด ผ้าสมปักปูม เป็นต้น
ในปี 2563 SACICT ยังคงเดินหน้ายกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านงานศิลปหัตถกรรมในภูมิภาคอาเซียน และในโอกาสที่ในปีนี้ประเทศไทยทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน มีบทบาทสำคัญในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ภายใต้แนวคิดหลัก "ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน" (Advancing Partnership for Sustainability) ร่วมหารือเพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนอาเซียนมุ่งไป สู่ความยั่งยืนในทุกมิติ ความเชื่อมโยง และการมองไปสู่อนาคตร่วมกัน ดังนั้น SACICT จึงได้ยกระดับ องค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดประชุม Arts & Crafts Forum ในระดับอาเซียน การจัดงาน Crafts Bangkok 2020 ซึ่งเป็นงานเดียว ในประเทศไทยที่รวบรวมทุกอย่างของงานคราฟต์ในระดับอาเซียนและนานาชาติ
นางสาวแสงระวี กล่าวเพิ่มเติมว่า SACICT Craft Center ตั้งอยู่ที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นสถานที่ที่สามารถรองรับกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การให้บริการห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการประชุมระดับนานาชาติ หอนิทรรศการที่มีชิ้นงานระดับมาสเตอร์พีซที่หาดูได้ยาก ห้องสมุด และ Co-Working Space รวมถึง SACICT Corporate Gift Salon หรือบริการจัดหาของขวัญที่เป็นงานหัตถศิลป์สำหรับมอบเป็นของที่ระลึกแก่บุคคลสำคัญและหน่วยงานองค์กรระดับโลกได้
ด้วยความมุ่งมั่นในพันธกิจ และวิสัยทัศน์ขององค์กรในการ
"เป็นศูนย์รวมองค์ความรู้และอนุรักษ์ สืบสานคุณค่าศิลปหัตถกรรมไทย รวมทั้งต่อยอดเชิงพาณิชย์สู่สากล เพื่อให้ชุมชนกินดีอยู่ดี อย่างยั่งยืน" SACICT พร้อมที่จะชี้ทางและสร้างโอกาสและยกระดับงานศิลปหัตถกรรมของไทยสู่ความเป็นสากล อาทิ การเป็นผู้นำด้าน CRAFT TREND กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตศิลป์ร่วมกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ SACICT Concept โดยการจับมือกันระหว่างผู้ผลิตงานหัตถศิลป์กับคนรุ่นใหม่ ที่เป็นทั้งนักออกแบบ นักศึกษา และกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อรวมกันจัดทำชิ้นงานหัตถศิลป์ต้นแบบขึ้นเป็นแรงบันดาลใจให้กับของคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมของไทยมากขึ้น
"ไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร SACICT เชื่อมั่นในบุคคลากรในแวดวงงานหัตถศิลป์ หน่วยงานพันธมิตรของ SACICT จะร่วมมือกันอนุรักษ์ภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมของไทย และช่วยกันส่งเสริมงานหัตถศิลป์ไทยให้เกิดการยอมรับและใช้งานในระดับสากลต่อไป"